ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ มีมติเห็นชอบรายงานการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย กำหนดลักษณะของนักการเมืองที่ต้องปฏิรูป 10 ประการ ด้านสมาชิกเห็นพ้อง ปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ “กษิต” แนะเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เรื่อง การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สปท. เป็นประธาน กมธ. กล่าวว่า ขณะนี้ สปท. ถูกกล่าวหาว่าไม่มีผลงาน ซึ่งที่จริงแล้ว สปท. ทำงานมา 6 เดือน และเวลาที่เหลืออยู่จนกว่าจะหมดอายุ เราทำงานอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีนักการเมืองบางคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ สปท. ซึ่งก็ถือเป็นวัฒนธรรมของการนักการเมืองก็ตาม
ดังนั้น กมธ. จึงต้องการให้สังคมและประเทศชาติเกิดความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ระบบการเมืองมีความชอบธรรม ซึ่งการสร้างนั้นก็คือ การให้การศึกษา เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมทางการเมืองที่ยั่งยืน การสร้างนักการเมืองที่ดี และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การประชาสัมพันธ์ และการบริหารการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดวัฒนธรรมทางการเมืองที่ยั่งยืน
“รายงานดังกล่าวถือว่าเป็นรายงานที่สรุปชัดเจนเกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมทาง การเมือง ที่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองให้เกิด ขึ้นในประเทศ มีคำถามว่าทำไมในต่างประเทศถึงสงบเรียบร้อย แต่บ้านเราทำไมถึงวุ่นวายก็ได้ รับคำตอบว่าบางประเทศที่สงบเรียบร้อย เพราะประชาชนมีวินัยทางการเมือง รู้หน้าที่ มีความรับผิดชอบ เลือกที่จะทำหรือไม่ทำ ส่วนเรื่องที่เป็นส่วนรวมเขาก็ให้ความสำคัญจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหากับคนอื่น แต่บ้านเราวัฒนธรรมทางการเมืองแทบจะไม่มี ในชีวิตประจำ ดังนั้น ในทางการเมืองจะต้องสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย” นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวต่อว่า กมธ. เห็นว่า ลักษณะของนักการเมืองที่ต้องปฏิรูปมี 10 ประการ คือ 1. พวกเห็นแก่ตัว แสวงหาอำนาจ และผลประโยชน์ โดยเฉพาะชอบทุจริตคอร์รัปชัน และแทรกแซงข้าราชการ 2. ขาดอุดมการณ์ทางการเมืองและขาดความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและประชาชน 3. สร้างสถานการณ์เพื่อเป็นช่องทางหากิน หาผลประโยชน์บนความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน 4. สร้างปัญหาในบ้านเมืองให้วุ่นวายเข้าไว้ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เข้าประเภทสู้แล้วรวย และพวกใช้สื่อสาธารณะปลุกปั่นยุยงประชาชนให้เกิดการแตกแยก
5. นักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพ พวกเรียกร้องความสนใจ พูดจาไร้สาระ เอาดังเข้าว่า 6. ไม่มีมารยาททางการเมือง ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม 7. พวกอิจฉาตาร้อน พวกหลงตัวเอง ชอบท้าทาย และชอบให้ร้ายคนอื่น 8. พวกไขว่คว้าหาอำนาจ มักหาเงินและใช้เงินในทางที่ผิด เช่น นำเงินมาซื้อเสียง ซื้อตำแหน่ง 9. พวกที่เอาประชาชนเป็นตัวประกัน แล้วสร้างประชาชนให้เกิดการแตกแยก และ 10. พวกได้แล้วไม่รู้จักพอ เช่น พวกได้คืบเอาศอก
ด้าน นายกษิต ภิรมย์ ประธานอนุ กมธ. กล่าวว่า แผนแม่บทว่าด้วยการส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมืองจะโยงถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีอย่างไร และจะเชื่อมโยงกับอำนาจรัฐอย่างไร ขึ้นอยู่กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมืองให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) สนับสนุนงบประมาณให้กับรัฐสภา เพื่อจัดสรรให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ปฏิรูปการส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
ทาง กมธ. จึงเสนอแนะให้รัฐบาลกำหนดการปฏิรูปวัฒนธรรมทางการเมืองให้เป็นวาระแห่งชาติ และหากต้องการให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว ขอให้ ครม. มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนหลัก รวมทั้งการตรากฎหมายที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกมาบังคับใช้ หากต้องการให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็วขอให้หัวหน้า คสช. มีคำสั่งตามมาตรา 44 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนหลัก และให้มีการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ. สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ สมาชิกส่วนใหญ่ได้แสดงความเห็นด้วยว่าควรจะต้องมีการสร้างวัฒนธรรมทางการเมือง โดยเฉพาะการปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ และได้ลงมติเห็นชอบต่อรายงานดังกล่าวด้วยคะแนน 162 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 คะแนน เพื่อเสนอ ครม. และฝ่ายเกี่ยวข้องต่อไป