xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ฉะนักวิชาการร้อง UN ชักศึกเข้าบ้าน ยันไม่มีซ้อมทรมาน-ให้กำลังใจดับไฟป่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
โฆษก รบ.สวนนักวิชาการที่ร้อง UN ยันไม่มีเหตุจับมาซ้อม ทรมาน ละเมิดสิทธิฯ จี้พิสูจน์ด้วยหลักฐาน อย่าชักศึกเข้าบ้าน นำประเด็นต่างๆ มาปนกัน รับไม่กังวลชี้แจง ตปท. เผยนายกฯ ฝากให้กำลังใจ จนท.ดับไฟป่าพรุโต๊ะแดง ให้ ปชช.นำเป็นบทเรียนระวัง และดูแลสุขภาพ เล็งใช้ฝนเทียมดับ

วันนี้ (6 พ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองยื่นเรื่องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ตรวจสอบและยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาล และ คสช.ว่า เป้าหมายของรัฐบาลและ คสช.คือการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ โดยยืนยันว่านับตั้งแต่เข้ามาบริหารบ้านเมืองไม่เคยมีเหตุการณ์จับกุม ซ้อม ทรมานประชาชนหรือกลุ่มผู้เห็นต่างตามที่เครือข่ายอาจารย์นำมากล่าวอ้าง

“ผู้กระทำผิดกฎหมายทุกคนจะถูกควบคุมตัวและปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย แม้แต่คนที่กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่เคยถูกกระทำรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น อยากให้เครือข่ายอาจารย์พิสูจน์ให้เห็นด้วยหลักฐาน ไม่ควรเชื่อข้อมูลจากการฟังตามกันมา หรืออ่านเพียงข้อมูลจาก social media โดยขาดการตรวจทาน ผิดวิสัยนักวิชาการหรือปัญญาชนที่มีคุณภาพ”

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า การเรียกร้องให้ยูเอ็นเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในประเทศไทยของเครือข่ายอาจารย์นั้น เปรียบเหมือนการชักศึกเข้าบ้าน โดยนำประเด็นต่างกรรมต่างวาระมาผสมปนเปกัน เช่น การนำคำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 มาเขียนรวมกับ พ.ร.บ.การลงประชามติ ว่าเป็นการใช้กฎหมายควบคุมผู้เห็นต่าง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน คำสั่ง 13/2559 เป็นกฎหมายเพื่อกวาดล้างมาเฟียเพื่อปกป้องสุจริตชน ขณะที่ พ.ร.บ.ประชามติมีขึ้นเพื่อป้องกันการชี้นำ การบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อเท็จจริง มิใช่ข้อมูลที่แต่งแต้มสีสัน

การออกมาเรียกร้องด้วยข้อมูลที่ปราศจากความจริง และอ้างอิงอย่างมีนัย ผูกรวมเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน และละเลยการอธิบายที่มาที่ไป เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ถือเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย

“รัฐบาลและ คสช.ไม่กังวลในการทำความเข้าใจกับองค์กรระหว่างประเทศ เนื่องจากท่านนายกฯ และ กต. ได้สื่อสารอธิบายความก้าวหน้าของแนวทางการปฏิรูปประเทศมาโดยตลอด และหากองค์กรใดต้องการข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย เชื่อว่าสามารถติดต่อได้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะ กต.ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่าการรับฟังข้อมูลจากกลุ่มคนหรือหน่วยงานอื่นที่อาจมีข้อมูลไม่ถูกต้องหรือบิดเบือน”

พล.ต.สรรเสริญยังเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส อย่างใกล้ชิด และฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติการดับไฟให้ทุกคนปลอดภัย และผนึกกำลังร่วมใจกันเพื่อคลี่คลายปัญหาให้สำเร็จลงได้โดยเร็ว

“ท่านนายกฯ ขอให้ประชาชนทั่วประเทศนำเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญ โดยจะต้องไม่จุดหรือก่อกองไฟในพื้นที่ป่า ทั้งที่เกิดจากความตั้งใจ เช่น เข้าป่าเพื่อล่าสัตว์หรือหาของป่า หรือจากความประมาทสะเพร่า สูบบุหรี่และจุดไฟเล่น เพราะเพียงสะเก็ดไฟเล็กๆ อาจเป็นชนวนให้เกิดไฟไหม้ สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางได้”

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่าขณะนี้ไฟไหม้ป่าครอบคลุมพื้นที่ 300 ไร่ โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนพรุเสม็ด อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ห่างจากป่าพรุโต๊ะแดง 2 กม.ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. และเกิดเพิ่มอีกในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งขณะนี้ ผวจ.นราธิวาส ร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 ได้เร่งระดมสรรพกำลังควบคุมและดับไฟทุกจุดอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามตรวจสอบสภาพความชื้นในอากาศ หากมีความเหมาะสมจะปฏิบัติการทำฝนเทียมทันที

“ท่านนายกฯ ยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ใน อ.สุไหงปาดี และ อ.สุไหงโก-ลก และบริเวณใกล้เคียงเป็นพิเศษ เนื่องจากเริ่มได้รับผลกระทบจากควันไฟป่าแล้ว จึงได้กำชับให้ จนท.สาธารณสุขลงพื้นที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือประชาชน เช่น ขอความร่วมมือ ไม่ให้ออกนอกบ้านหากไม่จำเป็น หรือแจกจ่ายหน้ากากอนามัย และยารักษาโรคอย่างเพียงพอ เป็นต้น”


กำลังโหลดความคิดเห็น