xs
xsm
sm
md
lg

นปช.จี้ กกต.โชว์บทบาทให้แสดงความเห็นเสรี ฉะการข่าว “บิ๊กตู่” โบ้ยชักใย นศ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แก๊งแดงร้อง กกต.ขอแสดงความเห็นเสรี โวยไม่รับร่างเท่ากับมีปัญหารัฐ ชี้ประชามติ กกต.มีอำนาจที่สุด กกต.ย้ำยึด 5 ลักษณะต้องต้องรอร่าง พ.ร.บ.ประชามติบังคับใช้ “จตุพร” โวย กม.ไม่ชัดเจน สวน “บิ๊กตู่” เลิกประชามติไปเลยไม่ต้องท้า ปชต.ต้องคืนให้ครบ ซัดการข่าวเฮงซวย โบ้ยชักใยกลุ่ม นศ. แต่รับมีติดรถทีวีแดงไปม็อบ “เต้น” กร้าวจ้อแบบเดิม ขอที่ยืนเห็นต่าง “เหวง” ติง รบ.พูดไม่ตรงกันทำสับสน

วันนี้ (21 เม.ย.) แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผ่านนายเมธา ศิลาพันธ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านการมีส่วนร่วม เรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการจัดประชามติร่างรัฐธรรมนูญโดยให้ประชาชนทุกฝ่ายสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และขอให้ข้อมูลเหตุผลของฝ่ายที่เห็นต่างจากกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้มีโอกาสนำเสนอตต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยนายจตุพรกล่าวว่า มาในฐานะกลุ่มการเมืองที่ประกาศจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ แต่ปัญหาคือขณะนี้หากใครไม่รับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวก็เท่ากับจะมีปัญหากับรัฐ ทั้งที่การทำประชามติเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่สามารถแสดงความเห็นได้ อีกทั้งเห็นว่าการทำหน้าที่ของ กกต.ในการทำประชามตินั้นย่อมมีอำนาจมากกว่ารัฐบาล หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบด้านนี้โดยตรง ส่วนรัฐบาลและ คสช.นั้นมีหน้าที่เพียงแค่อำนวยความสะดวกให้ กกต.เท่านั้น ถ้า กกต.จัดประชามติด้วยความสุจริตโปร่งใส ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ขอน้อมรับ แต่ส่วนตัวแล้วหากร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านตนก็ขอประกาศต่อ กกต.ว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใด

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.เรียกร้องให้ กกต.แสดงตัวในฐานะกรรมการที่ควบคุมดูแลการทำประชามติให้ชัดเจน แม้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่ช่วงเวลานี้ก็ถือว่าเข้าสู่กระบวนการทำประชามติแล้ว แต่ขณะนี้ กกต.ยังไมสามารถบอกได้ว่าในการทำประชามตินั้นสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ มีแต่ คสช.ที่ออกมาสั่งซ้ายหันขวาหัน

“ถึงเวลาที่ กกต.ต้องแสดงบทบาทให้ชัดเจน ซึ่งผมยืนยันว่าจะแสดงความคิดเห็นไปจนถึงวันลงประชามติ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าต้องฟังแนวทางปฏิบัติจากใครกันแน่ อีกทั้งเป็นห่วงว่าการไปดูงานที่ต่างประเทศของ กกต.ในช่วงนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ ประเทศที่ กกต.ไปดูงานนั้นเขาเลือกตั้งกันตามปกติ เชื่อว่า สิ่งที่คนทั้งทั้งโลกอยากมาดูคือการลงประชามติในประเทศไทยที่มีความน่าสนใจกว่ามาก กกต.จึงควรมาดูแลจัดเลือกตั้งให้ดี และเรื่องการแสดงความคิดเห็น กรธ.จะลงพื้นที่ชี้แจงเนื้อหา และ สนช.จัดเวทีชี้แจงคำถามพ่วง แต่ไม่ปรากฏว่าให้มีเวทีของประชาชนแต่อย่างใด กกต.ควรพิจารณาว่าทำอย่างไรที่จะให้การแสดงความเห็นสองฝ่ายเป็นไปอย่างเท่าเทียม หรืออย่าง กรธ.ใช้วิธีให้ศิลปินแห่งชาติมาแหล่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนฟัง อยากถามว่าถ้าผมจะแหล่แบบนี้บ้างได้หรือไม่”

โดยนายเมธาชี้แจงว่า กกต.มีการประชุมพิจารณาเรื่องสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ในการรณรงค์ประชามติไปบ้างแล้ว เป็นการยึด 5 ลักษณะต้องห้ามที่ทำแล้วเป็นความผิดตามมาตรา 62 ของร่าง พ.ร.บ.ประชามติ คือ ต่อปลุกระดม กระทำความรุนแรง ก้าวร้าว ข่มขู่ และบิดเบือนอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องรอร่าง พ.ร.บ.ประชามติมีผลบังคับใช้ก่อน รวมถึงเรื่องการจัดเวทีแสดงความคิดเห็น ซึ่ง กกต.จะมีการประชุมกันในวันที่ 26 เม.ย.นี้คงจะมีการหารือกัน อย่างไรก็ตามนายจตุพร แย้งว่า ลักษณะต้องห้ามเช่นนี้ค่อนข้างเป็นนามธรรมและครอบจักรวาล อะไรคือตัวชี้วัดมาตรฐานความรุนแรงหรือความก้าวร้าว กกต.ต้องระบุให้ชัด เช่น ลักษณะการพูดแบบนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นมาตรฐานให้ปฏิบัติตามได้หรือไม่ ที่ผ่านมาตนยังไม่เคยเห็นใครเขียนกฎหมายที่ไม่มีความชัดเจนเช่นนี้มาก่อน กลายเป็นว่าแต่ละฝ่ายกลับอธิบายเนื้อหากฎหมายที่ไม่เหมือนกัน

จากนั้นนายจตุพรยังให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯ ระบุว่าหากการประชามติวุ่นวายอาจมีการยกเลิกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องมาท้าทายคนไทย ยกไปเลย เพราะแต่ละวันก็ออกมาข่มขู่ แม้จะตั้งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ทำเสมือนเป็นเจ้าของร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กกต.เสียเอง มันกงการอะไร

“อยากเลิกก็เลิกไปเลย ถ้าจิตใจคับแคบไม่ยอมรับความเห็นต่าง และถ้า คสช.อยากจะอยู่เป็นชาติก็อยู่ไป แต่ถ้าคืนประชาธิปไตยต้องมาคืนมาให้ครบ พล.อ.ประยุทธ์ก็มี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิจะมาทำอะไรมากกว่านี้ เวลานี้สำคัญตัวผิดคิดว่าเป็นเจ้าของร่างฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.”

ส่วนกรณีนายกฯ ระบุว่า นปช.อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา และขนคนมาร่วมมาร่วมชุมนุมนั้นนายกฯ ควรตรวจสอบการข่าวว่าเป็นการข่าวที่ขาดสติ และสติแตกที่สุด นำข้อมูลรายงานอันเป็นเท็จ พล.อ.ประยุทธ์ได้การข่าวที่เฮงซวยได้อย่างไร ควรมีสาระไม่ใช่ไร้สาระ ต้องเคารพการตัดสินใจของคนรุ่นใหม่ ถ้าคนอย่างตนและ นปช.ทำต้องทำซึ่งหน้า ไม่มีพฤติกรรมเป็นอีแอบ พวกเราไม่เกี่ยวข้อง ซ้ำยังบอกให้แกนนำยืนอยู่ให้ห่างกลุ่มนักศึกษาเพราะเกรงจะไปทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่มนักศึกษา ยืนยันไม่มีเบื้องหลังและไม่มีความเกี่ยวโยงกับความเคลื่อนไหวของบุตรสาวของนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย นักศึกษาก็ไม่มีเบื้องหลัง แล้วตัวท่านมีเบื้องหลังหรือไม่ ส่วนการขนคนไปร่วมชุมนุมนั้นมีเพียงนายอานนท์ นำภา ทนายความ ติดรถจากสวนเงินมีมาของช่องพีซทีวีเพื่อไปยังบิ๊กซีลาดพร้าวเท่านั้น

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า พวกเรายืนยันจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แม้ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับใช้ ก็ยังจะแสดงความคิดเห็น เชื่อมั่นว่าถ้าบ้านเมืองคุยอย่างสันติแม้จะเห็นต่างกันในท่วงทำนองแบบวิญญูชนก็สามารถเดินไปด้วยกันได้ อยากให้ผู้มีอำนาจรับทราบประเด็นนี้และกรุณาทำความเข้าใจ ไม่ใช่การท้าทาย หรือประกาศเผชิญหน้า แต่ต้องการประกาศว่าประชาชนมีความเห็นอย่างไร หวังว่าจะพื้นที่ในหัวใจของผู้มีอำนาจให้ประชาชนที่เห็นต่างได้มีที่ยืนบ้าง แต่ถ้าไม่มีเราก็จะยืนอยู่จุดเดิมของเรา

ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เรียกร้องให้ คสช.ประชุมและตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนว่าพฤติกรรมแบบใดสามารถทำได้หรือไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่ตรงกันทำให้ประชาชนสับสน เนื่องจากทั้งหมดก็เป็น คสช.ด้วยกันทั้งนั้น








กำลังโหลดความคิดเห็น