เมื่อเวลา 09.00น.วานนี้ (20 เม.ย.) ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาว นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจําประเทศไทย เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่นายวัฒนา ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมตัว เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา จากกรณีแสดงความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญผ่านเฟซบุ๊ก โดยเป็นเอกสารเดียวกับที่นายวัฒนา ได้ลงนามไว้ล่วงหน้าหลายสิบฉบับ ก่อนที่จะไปรายงานตัวที่ มณฑลทหารบกที่ 11 แล้วถูกคสช.ควบคุมตัว ซึ่งได้ฝากว่า หากถูกจับหรือถูกควบคุมตัว ให้มอบหนังสือที่สถานทูตนานาประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ
ด้านพ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีบุตรสาว นายวัฒนา ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เรียกร้องให้องค์การระหว่างประเทศ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสิทธิมนุษยชนสากล เข้ามาตรวจสอบการดำเนินการของ คสช. กับผู้เห็นต่างทางการเมือง ว่าขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน หรือไม่ ภายหลังจากที่คสช.ควบคุมตัวนายวัฒนา ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงการดำเนินการของคสช.ไปแล้ว ถึงขั้นตอนต่างๆ เชื่อว่าต่างประเทศจะเข้าใจ ร่วมถึงการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง ท่านก็ชี้แจงเรื่องนี้มาตลอด สำหรับเรื่องดังกล่าวคสช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับ น.ส.วีรดา แล้วว่าบิดาถูกเชิญตัวด้วยเหตุใด แต่ก็ยังมีการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ คสช.เชื่อว่าต้องมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง และกำลังตรวจสอบอยู่
"การดำเนินการทำกันเป็นทีม เราติดตามอยู่ ตั้งแต่ที่นายวัฒนา โพสต์เฟซบุ๊ก จนเป็นที่มาของการเชิญตัว และมีการให้ลูกสาวไปยืนหนังสือ ต่อด้วยการแสดงออกของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ในการจุดกระแส ร่วมถึงการเดินทางไปเยี่ยมนายวัฒนา ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อต้องการดึงต่างชาติให้มากดดันการทำงานของคสช. แต่ในเรื่องดังกล่าว เราไม่ได้กังวลอะไร เพราะเชื่อว่าต่างชาติเข้าใจ ร่วมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ อย่าง ฮิวแมนไรท์วอช ได้ชี้แจง ซึ่งเขาก็เข้าใจถึงแนวทางการทำงานของคสช." พ.อ.ปิยพงษ์ กล่าว
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่นัดหมายเคลื่อนไหว (20 เม.ย.) ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ช่องนนทรี และเตรียมยกระดับเคลื่อนไหวใหญ่ ในวันศุกร์นี้ ทางคสช. ก็ติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่เชื่อว่าจุดกระแสไม่ได้ เพราะประชาชนเบื่อหน่ายกับการชุมนุมทางการเมือง แต่ที่คสช.เป็นห่วงคือ ความปลอดภัยของเขา เพราะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน ต้องระมัดระวังในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม การดูแลคงให้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ภายใต้กฎหมายปกติ
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับท่าทีของนายวัฒนา ขณะนี้ ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พูดคุยก็เข้าใจ เพียงแต่ความคิดทางการเมืองของเขาก็ยังคงอยู่ ทั้งนี้การไปเยี่ยมนายวัฒนา ที่ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี จะเปิดให้ผู้ที่เป็นญาติของนายวัฒนา เข้าเยี่ยมเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น นายจตุพร นายณัฐวุฒิ เจ้าหน้าที่คงไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงของคสช. เปิดเผยว่า กรณีนายวัฒนา ขณะนี้อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมเอกสารต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดี กับนายวัฒนา ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามประกาศคสช. ฉบับที่ 39/2557 มีอัตราโทษ จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับขั้นตอนขบวนการดำเนินคดีนั้น ทางนายทหารพระธรรมนูญ จะนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวัฒนา ในข้อหาฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามประกาศคสช.ฉบับที่ 39/2557 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วง 1-2 วันนี้ ที่กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) หลังจากนั้น ทางพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบ(กกล.รส.) จะได้นำตัวนายวัฒนา มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นทางพนักงานสอบสวน จะนำตัวนายวัฒนาไปฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ที่ศาลทหารกรุงเทพ
ด้านพ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีบุตรสาว นายวัฒนา ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เรียกร้องให้องค์การระหว่างประเทศ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานด้านสิทธิมนุษยชนสากล เข้ามาตรวจสอบการดำเนินการของ คสช. กับผู้เห็นต่างทางการเมือง ว่าขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน หรือไม่ ภายหลังจากที่คสช.ควบคุมตัวนายวัฒนา ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงการดำเนินการของคสช.ไปแล้ว ถึงขั้นตอนต่างๆ เชื่อว่าต่างประเทศจะเข้าใจ ร่วมถึงการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง ท่านก็ชี้แจงเรื่องนี้มาตลอด สำหรับเรื่องดังกล่าวคสช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับ น.ส.วีรดา แล้วว่าบิดาถูกเชิญตัวด้วยเหตุใด แต่ก็ยังมีการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ คสช.เชื่อว่าต้องมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง และกำลังตรวจสอบอยู่
"การดำเนินการทำกันเป็นทีม เราติดตามอยู่ ตั้งแต่ที่นายวัฒนา โพสต์เฟซบุ๊ก จนเป็นที่มาของการเชิญตัว และมีการให้ลูกสาวไปยืนหนังสือ ต่อด้วยการแสดงออกของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ในการจุดกระแส ร่วมถึงการเดินทางไปเยี่ยมนายวัฒนา ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อต้องการดึงต่างชาติให้มากดดันการทำงานของคสช. แต่ในเรื่องดังกล่าว เราไม่ได้กังวลอะไร เพราะเชื่อว่าต่างชาติเข้าใจ ร่วมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ อย่าง ฮิวแมนไรท์วอช ได้ชี้แจง ซึ่งเขาก็เข้าใจถึงแนวทางการทำงานของคสช." พ.อ.ปิยพงษ์ กล่าว
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่นัดหมายเคลื่อนไหว (20 เม.ย.) ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ช่องนนทรี และเตรียมยกระดับเคลื่อนไหวใหญ่ ในวันศุกร์นี้ ทางคสช. ก็ติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่เชื่อว่าจุดกระแสไม่ได้ เพราะประชาชนเบื่อหน่ายกับการชุมนุมทางการเมือง แต่ที่คสช.เป็นห่วงคือ ความปลอดภัยของเขา เพราะมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน ต้องระมัดระวังในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม การดูแลคงให้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ภายใต้กฎหมายปกติ
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับท่าทีของนายวัฒนา ขณะนี้ ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พูดคุยก็เข้าใจ เพียงแต่ความคิดทางการเมืองของเขาก็ยังคงอยู่ ทั้งนี้การไปเยี่ยมนายวัฒนา ที่ค่ายสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี จะเปิดให้ผู้ที่เป็นญาติของนายวัฒนา เข้าเยี่ยมเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น นายจตุพร นายณัฐวุฒิ เจ้าหน้าที่คงไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงของคสช. เปิดเผยว่า กรณีนายวัฒนา ขณะนี้อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมเอกสารต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดี กับนายวัฒนา ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามประกาศคสช. ฉบับที่ 39/2557 มีอัตราโทษ จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับขั้นตอนขบวนการดำเนินคดีนั้น ทางนายทหารพระธรรมนูญ จะนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวัฒนา ในข้อหาฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ตามประกาศคสช.ฉบับที่ 39/2557 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วง 1-2 วันนี้ ที่กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) หลังจากนั้น ทางพนักงานสอบสวน ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบ(กกล.รส.) จะได้นำตัวนายวัฒนา มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นทางพนักงานสอบสวน จะนำตัวนายวัฒนาไปฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ที่ศาลทหารกรุงเทพ
