“ประวิตร” ชี้ “วัฒนา” ขัดเอ็มโอยูไม่เคลื่อนไหวการเมือง ต้องดำเนินคดี ไม่ได้เชือดไก่ให้ลิงดู เมินนำเข้าหลักสูตร เหตุเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว โยนศาลวินิจฉัยปล่อยตัวหรือไม่ บอกไม่กินข้าวเพราะอาจจะชอบมะพร้าว เชื่อไม่เข้าแผนแก๊งป่วน ยังไม่ได้รับรายงานคนชักใย ยันไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ถามถ้าตีกันอีกจะทำอย่างไร ปัดกดการเคลื่อนไหวม็อบแต่ทำตามกฎหมาย
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งความดำเนินคดีต่อนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ขัดประกาศ คสช.ที่ 39/2559 ว่า ที่ผ่านมานายวัฒนาได้ลงนามในเอกสารจะไม่ออกมาเคลื่อนไหว แต่เมื่อมีการฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินคดี เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทำให้เป็นตัวอย่างหรือเชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการทำตามกฎหมาย และกรณีของนายวัฒนาคงไม่ต้องเข้าหลักสูตรอบรมของ คสช. เพราะขั้นตอนเข้ากระบวนการยุติธรรมไปแล้ว เมื่อส่งฟ้องวันนี้ศาลประทับรับฟ้องก็เป็นเรื่องของศาลที่จะวินิจฉัยว่าจะปล่อยตัวหรือไม่ ทั้งหมดเป็นเรื่องของศาล ถ้ายังเคลื่อนไหวหรือทำผิดอีกก็ต้องถอนประกันและเข้าคุก
เมื่อถามว่า นายวัฒนาไม่ยอมกินข้าวเพื่อกดดัน คสช.กลับหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “จะกดดันอะไร และจะทำอะไรได้ เขาอาจจะชอบมะพร้าวก็ได้นะ ไม่เป็นไรหรอก”
เมื่อถามว่า การที่มองว่า คสช.ทำเช่นนี้เข้าแผนของกลุ่มที่เคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ใครทำผิดก็ว่าไปตามผิด ตนไม่รู้ว่าเขามีแผนอะไร เราทำตามกฎหมาย เขาก็ทำตามกฎหมาย ต่างคนต่างอยู่ก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มองว่ามีคนชักใยอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนายวัฒนา นั้นยังไม่ได้รับรายงาน สำหรับกลุ่มพลเมืองโต้กลับและเครือข่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้น เท่าที่เห็นก็เป็นคนเก่าทั้งนั้น และการที่องค์กรระหว่างประเทศเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายวัฒนาอย่างไม่มีเงื่อนไขนั้นก็เป็นบทบาทหน้าที่ของแต่ละองค์กร ในส่วนของเราก็ทำทุกอย่างให้เกิดความสงบ ถ้าปล่อยให้คนแค่นี้จาก 60-70 ล้านคนออกมาเคลื่อนไหว ประเทศก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ ความเสียหายก็ตกอยู่ส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะ คสช. ส่วนที่บอกว่าการปฏิบัติเช่นนี้ละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงอยู่แล้วว่าเรามีความจำเป็นอย่างไร และปฏิบัติอย่างไร
“กรณีที่เกิดขึ้นเรามีการออกประกาศ และคำสั่งไปแล้ว ดังนั้นถ้าฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินคดี การปฏิบัติก็ไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ไปถูกตัวนายวัฒนา เราไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในบ้านเมืองเท่านั้น และอย่ามามองปลายเหตุ เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่จบ ต้องมองที่ต้นเหตุ ที่เขาต้องการให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งนี้ คสช.ก็เดินไปตามโรดแมปอยู่แล้ว เดือนสิงหาคมทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ผลออกมาก็ว่าไปตามนั้น จะออกมาเคลื่อนไหวทำไม ขอให้ประชาชนเขามีความคิดของเขา จะรับหรือไม่รับก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลไป ใครคิดอย่างไรก็ว่าตามนั้น จะมาโฆษณาทำไม กฎหมายประชามติก็ออกมาแล้ว ถ้าปล่อยให้มีการโฆษณา ทุกจังหวัดก็ขึ้นมากันหมด แล้วใครจะรับผิดชอบถ้ามีความขัดแย้งเกิดขึ้น และมาตีกันอีกจะทำอย่างไร หรือจะให้ช่างมัน ตัวใครตัวมันหรืออย่างไร” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าการข่าวพบการเคลื่อนไหวของมวลชนทั่วประเทศ คสช.จึงต้องกดกระแสเอาไว้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อย่าพูดว่ากด เพราะไม่ใช่กด แต่เป็นการทำตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม 3 เดือนก่อนจะลงประชามติคิดว่าสถานการณ์คงไม่เข้มข้นขึ้น เพราะเชื่อว่ามีคนที่เข้าใจอีกมากมาย