โฆษก คสช.แจงคดีที่ขึ้นศาลทหารเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเท่านั้น ปราม “อานนท์” แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เจ้าเก่าทำพฤติกรรมเดิมๆ สร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวาย ถ้าละเมิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับจะจัดกิจกรรมรณรงค์พลเมืองต้องไม่ขึ้นศาลทหาร โดยมีการจัดกิจกรรมเดินเท้าจาก อ.บางบัวทอง จนถึง สน.ปทุมวัน เพื่อเรียกร้องยุติใช้ศาลทหารกับพลเรือนระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค.นี้ว่า กลุ่มดังกล่าวนำโดยนายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช. จากการไปจัดกิจกรรมที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา จะจัดกิจกรรมเดินเท้าเพื่อไปพบพนักงานสอบสวนระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค.นี้เป็นความพยายามที่จะแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ไม่ต่างจากพฤติกรรมเดิมๆ ของนายอานนท์ที่ระยะหลังพยายามไม่เข้าใจและสร้างเงื่อนไขอยู่ตลอด เมื่อบ้านเมืองเกิดภาวะไม่ปกติ ทางภาครัฐก็จะต้องมีมาตรการกฎระเบียบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยวัตถุประสงค์ต้องการให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย
ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มดังกล่าวในเรื่องการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหารนั้น แท้จริงก็เฉพาะบางคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเท่านั้น ส่วนขั้นตอนการฟ้องดำเนินคดีของตำรวจจะไปส่งฟ้องที่ศาลทหาร หรือศาลพลเรือนก็ตามคงอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน โดยเฉพาะถ้าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดจริงตามองค์ประกอบของพยานหลักฐานที่สมบูรณ์ จะตัดสินคดีด้วยศาลใดก็ตามผลที่ออกมาก็ไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอน ส่วนโอกาสในการต่อสู้ทางคดียืนยันว่าจะศาลไหนก็ยังคงสามารถทำได้เหมือนกัน
“เป็นมุมมองส่วนบุคคลที่ยังเข้าใจสถานการณ์ไม่ครบถ้วน มั่นใจสังคมส่วนใหญ่เข้าใจดีว่าช่วงเวลาบ้านเมืองไม่ปกติจำเป็นที่ภาครัฐต้องการให้คนในสังคมเคารพและปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบกติกามากขึ้น ภาครัฐจึงอาจต้องมีเงื่อนไขเสริมพิเศษมาบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสังคมยังคงสับสนในเจตนาที่แท้จริงของนายอานนท์ว่าสิ่งที่พยายามดำเนินการอยู่นั้นเพื่อตนเองหรือเพื่อประเทศชาติและจากข้อมูลที่ได้ กิจกรรมดังกล่าวอาจถูกมองส่อเค้าไปในลักษณะเชิงการเมือง ที่ผ่านมาสังคมส่วนใหญ่เข้าใจและให้ความร่วมมือกับ คสช.เป็นอย่างดี กรณีที่มีบางบุคคลที่ยังไม่เข้าใจ คสช.คงจะเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิดถ้าพบมีละเมิดกฎหมายก็จำเป็นต้องดำเนินการ”