ผบ.ทบ.ปฏิเสธแสดงความเห็นข้อเสนอให้ “ประยุทธ์” เจรจา “ทักษิณ” เพื่อสร้างความปรองดอง โยนตำรวจดำเนินการกลุ่มเคลื่อนไหว ยันถ้าออกมาอีกก็จับอีก ตอบไม่ได้มีเจตนายั่วยุให้ทหารใช้ความรุนแรงหรือไม่ ส่วนการแก้ กม.ธรรมนูญศาลทหาร เพื่อให้ทันสมัย ไม่จำเป็นต้องชี้แจง เอ็นจีโอต่างชาติ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. นัดเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การปรองดองสำเร็จว่า เป็นข้อคิดเห็นของบางคนที่มีการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงของประเทศ ตนไม่สามารถตอบแทนได้ เมื่อมีข้อคิดเห็นคงมีการรับไว้พิจารณา แต่ความชัดเจนตนยังตอบไม่ได้
พล.อ.อุดมเดชกล่าวถึงการดำเนินการกับกลุ่มแกนนำกลุ่มกิจกรรมพลเมืองโต้กลับ Resistant citizen ในงานเลือกตั้งที่รัก (ลัก) ว่า ทหารไม่ได้เป็นคนควบคุมตัว แต่การดำเนินการตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตักเตือน ขอร้องทำความเข้าใจว่าอย่าทำ สิ่งใดที่อยู่นอกกรอบกฎหมาย ถ้าอยู่นอกกรอบก็จะดำเนินการ แต่จะไม่ดำเนินการทันที ทั้งนี้ตนได้ติดตามตลอด ไม่ใช่เพิ่งเริ่มเกิดเหตุการณ์ แล้วตำรวจเข้าไปจับกุม แต่เท่าที่ทราบได้มีการเตือนหลายครั้งแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจแล้ว ถ้าเตือนแล้วไม่ทำตามกรอบกฎหมายก็จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย มากไปกว่านั้นถ้ายังมีการเคลื่อนไหวต่อไปอีกคงต้องดำเนินการ
“การแสดงออกนั้น ทางรัฐบาลได้มีเวทีในแนวทางการแสดงออกที่ถูกต้อง ทุกคนก็น่าจะทราบดีพอสมควร และสามารถที่จะส่งความคิดเห็นใดๆ ก็ได้ ต้องเป็นไปตามนั้น อาจจะมีการแสดงออกได้บ้าง แต่คงไม่ใช่ทุกอย่าง แต่สิ่งใดที่เห็นว่าเกินกรอบกฎหมาย มีการรวมกลุ่มกันมากเกินไป ทางเราจะเข้าไปเตือน ส่วนผู้ที่กระทำต้องรับฟัง และปฏิบัติตามให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย” พล.อ.อุดมเดชกล่าว และว่าคิดว่าคนส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่อยากให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่มีบางส่วนที่ออกมาเคลื่อนไหว ขอฝากว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องขอความกรุณาให้ช่วยไปตักเตือนกัน บ้านเมืองจะได้สงบ เดินหน้าต่อไปเพื่อไปสู่เป้าหมายที่พวกเราต้องการทุกคน ตามที่ คสช.กำหนด ซึ่งตนก็มีส่วนเกี่ยวข้องตามโรดแมปด้วย ก็จะดำเนินการให้ดีที่สุด
ส่วนการเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดรับกับอียูแถลงการณ์ให้รัฐบาล และคสช.ยกเลิกกฎอัยการศึก พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น แต่จะใช้ตามความจำเป็นจริงๆ โดยทั่วไป ณ ตอนนี้ คงไม่ใช้ แต่ใช้แค่กฎหมายปกติก็เพียงพอแล้ว สำหรับการแสดงออกดังกล่าวจะยั่วยุให้ทหารใช้ความรุนแรงนั้น ตนจะไปตีความแบบนั้นไม่ได้ เพราะจะไปกล่าวอ้างว่าพวกต้องการแบบนั้น ต้องการแบบนี้ ดังนั้นเราต้องคิดว่าพวกนั้นทุกคนมีความบริสุทธิ์ใจ ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ไม่เข้าใจต้องชี้แจงกันไป
“ผมว่าผู้ที่มีเจตนาไม่ดี และมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่ ประชาชนส่วนใหญ่จะรู้ดีว่าผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวคิดเช่นใด”
สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวของ องค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์วอตช์ ที่กังวลทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณา พ.ร.บ. ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 จะให้อำนาจทหารนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ได้ทำให้ทหารมีอำนาจเกินขอบเขต แต่เป็นการทำให้ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ที่มีความจำเป็น หรือนอกเหนือจากในพื้นที่ศาลโดยทั่วไปให้มีอำนาจในพื้นที่นั้นอยู่ ทั้งนี้ตนขอยกตัวอย่าง เช่น ผู้บังคับการเรือจะนำเรือออกไปกลางทะเลในระยะไกล และเข้าไปในเขตนอกน่านน้ำ เพื่อปฏิบัติภารกิจในขบวนเรือนั้นๆ ขณะนี้กฎหมายมิได้ครอบคลุมอย่างชัดเจนที่จะให้อำนาจการควบคุมตัว ผู้ที่กระทำความผิดบนเรือลำนั้นๆ จึงจะได้มีกฎหมายควบคุมที่ถูกต้อง ดังนั้นถือเป็นการกำหนดให้ชัดเจน ต่อการปรับแก้ไขใน พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ขอย้ำว่าไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด อีกทั้งกำลังพลก็มีกฎหมายอยู่แล้ว แต่จะให้มีความชัดเจน และสิ่งนี้จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ ตนก็ขอให้มีความเข้าใจ
ต่อข้อถามว่าทางทหารจะเชิญฮิวแมนไรต์วอตช์มาพูดคุยหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า คงต้องดูก่อน เพราะเราได้ชี้แจงไปแล้ว ถ้าเข้าใจก็จบไป ไม่จำเป็นต้องชี้แจงอะไร แต่อะไรที่ไม่เข้าใจเราก็พยายามสื่อให้เข้าใจ ซึ่งตนคิดว่าถ้าคนส่วนใหญ่เข้าใจแล้ว คนส่วนน้อยก็ต้องเข้าใจด้วย ถ้าไม่มีความเข้าใจก็ต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“จริงๆ แล้วเรามีความจำเป็นต้องปรับแก้กฎหมายอีกหลายอย่าง กฎหมายทางทหารบางอย่างไม่ทันสมัย ใช้มาตั้งแต่ทศวรรษ 2490 จึงจำเป็นต้องปรับให้ทันสมัยขึ้น”