อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลศิริราช รวมอายุได้ 67 ปี หลังก่อนหน้าถูกมรสุมชีวิต จากเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองทำจดหมายน้อยอ้างหนุนตำรวจเลื่อนยศ ก่อนถูกคณะกรรมการตุลาการฯ ร่วมกันเชือด แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทิ้งท้ายก่อนตายฝากคนไทยจับตาศาลปกครองตัดสินคดีสำคัญหลังพ้นเก้าอี้
วันนี้ (13 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ได้ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ที่ผ่านมา หลังเข้าพักรักษาตัวด้วยอาการมะเร็ง รวมอายุได้ 67 ปี ทั้งนี้จะมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 16 เม.ย. ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ศาลา 14 ในเวลา 17.00 น.
นายหัสวุฒิ เกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปริญญาเอกมหาวิทยาลัยเวียนนา เข้าดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดคนที่ 2 ต่อจากนายอักขราทร จุฬารัตน ที่เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ก่อนหน้านั้นเป็นกรรมการตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิ (กศ.ป.), ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการเกี่ยวกับปัญหาอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล, ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม และเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล, กรรมการพัฒนาตุลาการศาลปกครอง, กรรมการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งดำรงตำแหน่งศาลปกครองสูงสุด 2552-2553, กรรมการคัดเลือกบุคคลแต่งตั้งเป็นศาลปกครองชั้นต้น 2552-2553, กรรมการพิจารณาย้ายและเลื่อนตำแหน่งตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น 2553
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 นายหัสวุฒิถูกคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติ 8 ต่อ 3 เสียง ให้สั่งพักราชการ จากกรณีที่ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้ทำบันทึกส่วนตัว หรือจดหมายน้อย ถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่านายหัสวุฒิมีความประสงค์สนับสนุนนายตำรวจยศ พ.ต.ท.รายหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนกับหลานชายให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้กำกับการยศ พ.ต.อ.
กระทั่งภายหลัง ก.ศป.มีมติ 6 เสียง ให้ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558 แต่นายหัสวุฒิประกาศไม่ยอมรับมติดังกล่าวเนื่องจากกระบวนการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรรมการสอบสวนเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีเจตนาปองร้ายตน ประวิงเวลาในการสอบสวน รวมทั้งเปลี่ยนข้อกล่าวหา รวมทั้งการออกคำสั่งในวันเดียวกับการประชุม ซึ่งเป็นการดำเนินการที่รีบเร่งและมีการเตรียมการไว้ก่อนแล้ว กระทั่งวันที่ 5 ตุลาคม 2558 นายหัสวุฒิได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาผ่านสำนักราชเลขาธิการถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอความเป็นธรรม
แต่เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ นายหัสวุฒิได้ออกแถลงการณ์น้อมรับด้วยเกล้าฯ ก่อนยืนยันในความบริสุทธิ์ และขอฝากให้คนไทยจับตาดูความเป็นไปของศาลปกครองในคดีสำคัญๆ ของประเทศด้วย หลังจากนั้นผ่านไป 3 เดือน นายหัสวุฒิจึงเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวดังกล่าว
