อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด น้อมรับพระบรมราชโองการฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง ย้ำปฏิบัติหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต ยืนยันในความบริสุทธิ์ และขอให้จับตาคดีสำคัญนับจากนี้ ด้านผู้สนับสนุนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ปลดคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ชี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยะกุล อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด แถลงว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พ้นจากตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดแล้ว ตนขอน้อมรับด้วยเกล้าฯ และขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ชาวไทยหลายสาขาอาชีพ ตนได้ปฏิบัติหน้าที่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลปกครองอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ไม่เคยหวั่นเกรงต่อภัยหรือสถานการณ์ที่พยายามกดดัน การทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ตนถูกคุกคามหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยย่อท้อหรือหนีเอาตัวรอดจากอันตราย เพราะตนยึดมั่นในอุดมการณ์ความถูกต้องและความยุติธรรม ตนขอยืนยันในความบริสุทธิ์และขอให้คนไทยจับตาดูความเป็นไปของศาลปกครองในคดีสำคัญของประเทศ
อย่างไรก็ตาม การที่คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยตนในเรื่องที่ไปยกยอดฉัตรวัดใน จ.สุโขทัย และไปปฏิบัติธรรม ยืนยันว่าตนได้รับเชิญอย่างเป็นทางการในฐานะประธานศาลปกครอง ส่วนกรณีไปปฏิบัติราชการที่ จ.พิษณุโลก ที่ไปพบกับอธิบดีศาลปกครองพิษณุโลก โดยได้มีการพูดคุยเรื่องการบริหารจัดการคดีและการก่อสร้างอาคารศาลปกครองพิษณุโลก ก็ยืนยันเช่นกันว่าไม่ได้เบิกค่าใช้จ่ายทั้งสองกรณี การตรวจสอบของ สำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ระบุว่าไม่มีอะไรต้องเรียกคืนจากตน ถือเป็นการยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ แต่พวกที่ยังเล่นงานตนอยู่ก็ยังไม่เลิก อาจจะต้องการให้โทษของตนจากออกจากราชการกลายเป็นถูกไล่ออกจากราชการก็เป็นได้ จึงได้มีการพยายามทำให้เป็นคนละฐานความผิด
รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการแถลงของนายหัสวุฒิ มีกลุ่มประชาชนเพื่อความยุติธรรมของแผ่นดิน กลุ่มข้าราชการรักความถูกต้อง และชมรมตรวจสอบทุจริตประพฤติมิชอบกรณีสำคัญของประเทศไทย มาให้กำลังใจนายหัสวุฒิที่บริเวณดังกล่าว พร้อมกับระบุว่าการดำเนินการตรวจสอบของ ก.ศป.นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเห็นว่านายหัสวุฒิไม่มีความผิด รวมทั้งยังได้มีการเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เร่งการพิจารณาคดีและชี้แจงความคืบหน้าให้สาธารณะได้รับทราบ และมีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลด ก.ศป.ให้พ้นจากตำแหน่ง