xs
xsm
sm
md
lg

“น้องตู่-พี่ป้อม” ไม่ขำขัน “ระวัง – ระแวง” จนโอเวอร์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

โดนค่อนแคะว่า “แป๊ะ” ติดหลุมพราง “แม้ว” ง่ายเกินไป กับปมไล่จับหญิงคนหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่โพสต์ภาพ “ขันแดง” กับการเข้าตรวจยึดขันแดงจากสำนักงาน อดีตส.ส. จ.น่าน ของพรรคเพื่อไทย ในข้อหาขัดความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

จนกลายเป็นเรื่องโจ๊ก “ขำขัน” กันไปในโซเชียลมีเดียสนุกปากว่า “แป๊ะ” ขวัญอ่อน กลัวอะไรกับขันใบเดียวที่สลักชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ สองศรีพี่น้อง โดยอารมณ์คือ คนรู้สึกว่า มันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่น่าไปใส่ใจระแวงกันขนาดนั้น

ถึงขนาดหลายฝ่ายส่ายหน้า เพราะว่า การที่ “แป๊ะ” ไปไล่จับขัน เหมือนกับคิดอ่านไม่ทะลุ ไม่ทันเกมอีกฝั่ง ตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้าม พอทำแบบนี้เลยตาลปัตร กลายไปเป็นการช่วยประโคมข่าวให้อีกฝั่งเสียอย่างนั้น

เข้าอีหรอบเหมือนปลากระโดดเข้าไปในบ่อที่เขาขุดล่อเอาไว้ สุดท้ายเป็นการช่วยดึงกระแสความสนใจกลับไปให้สองศรีพี่น้อง “ชินวัตร” แบบไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย
 
โดยรวมปฏิกิริยาของโลกโซเชียลมีเดีย “แป๊ะ” ถูกมองว่าโอเวอร์!

ทั้งนี้ทั้งนั้น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็ยังยืนยันว่า การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายขัดความมั่นคง ประสานเดียวกัน แม้จะรู้ว่า ปฏิกิริยาของสังคมจะมองเป็นเรื่องตลกก็ตาม

น่าสังเกตอาการ ไม่ขำด้วยของ “สองศรีพี่น้องฝั่งบูรพาพยัคฆ์” แต่ยังขะมักเขม้นจะเอาผิดสำหรับคนที่ครอบครองขันแดงเอาไว้แจกจ่าย เรื่องมันน่าจะมีอะไรกว่าขันใบเดียวแน่ โดยเฉพาะกระแสข่าวว่า จุดเริ่มต้นก่อนที่จะมีการจับเรื่องขันแดงดังกล่าว เนื่องจากมีการโพสต์ข้อความในลักษณะหมิ่นเหม่ ชวนให้คนตีความ

ซึ่งข้อความที่ว่า ก็น่าจะรุนแรงพอสมควร ไม่เช่นนั้นคสช. ไม่น่าจะกล้าแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ให้คนนินทาหมาดูถูก ในภายหลังได้

แล้วมันก็ผิดธรรมชาติพอสมควร กับการที่อยู่ดีๆ คสช.ไปให้ความสนใจกับมวลชนคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่แกนนำ หรือนักการเมืองขนาดนี้ หากไม่มีอะไรในก่อไผ่ หรือไปสะกิดใจกับพฤติกรรมบางอย่าง ดังนั้น สมมุติฐานของเรื่องนี้ มันจึงมีอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่คสช. พูดไม่ได้

แล้วคนโดนจับอาจจะไม่ใช่เพราะเรื่อง “ขันแดง” อย่างเดียวก็ได้ หากย้อนดูการโพสต์ข้อความเก่าๆ ว่า มีลักษณะยั่วยุก่อน หรือไม่ ลำพังอยู่ดีๆ คสช.แกล้งเข้าไปจับ มันดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ ที่จะให้คนมาด่าเล่น
  
  ขณะที่การแจก “ขันแดง” เที่ยวนี้ของ “สองศรีพี่น้องชินวัตร” ก็คงไม่ใช่แค่ยั่วประสาท “แป๊ะ” เล่นๆ แต่มันน่าจะมีนัยสำคัญอะไรบางอย่าง เพราะหากไม่นับว่า การออกมาพูดในช่วงนี้เพราะล้อกับกระแสสงกรานต์แล้ว มันก็ตรงพอดิบพอดี กับการนับหนึ่งเข้าสู่บรรยากาศของการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)

ซึ่งมันก็สอดรับกับการเคลื่อนไหวของ “ยิ่งลักษณ์” ที่ไล่เลี่ยกับการเกิดกระแส “ขันแดง” พอดี หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้แฟนเพจร่วมกิจกรรมและช่วยโหวตว่า อยากให้ลงพื้นที่ไหน ด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งเป็นเสมือนอีเวนต์ทางการเมือง

การขยับของ “สองศรีพี่น้องชินวัตร” ไปสอดรับกับกระแสข่าวว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไปสถานการณ์การเมืองจะเข้มข้นขึ้น

แม้แต่การเคลื่อนไหวของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากนี้เองก็มองข้ามไม่ได้ เพราะอาจจะมีบทบาทสำคัญในบางเรื่อง

ทุกอย่างดูเอื้อและสอดรับกันหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมคสช. จะระแวงทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของทั้งสองคน รวมทั้งองคาพยพด้วย เพราะรู้ว่า จุดเป้าหมายของฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่แค่คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพียงเท่านั้น แต่คือ การโค่นคสช. ให้ลง เพราะต่อให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่อาจจะไม่มีความหมายอะไร เพราะสิ่งที่จะได้อาจเป็นการหนีเสือปะจระเข้

แต่ถ้าคสช.ร่วงจากอำนาจทุกอย่างจะจบ!

นาทีนี้เช็กอาการของคสช. คงไม่ผิดนักหากจะพูดว่า มีเส้นบางๆ กั้นระหว่างคำว่า “ระแวง” กับ “ระวัง” ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคสช. ต้องการให้สถานการณ์ทุกอย่างนิ่งที่สุดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ใช่แค่เพียงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติเท่านั้น

โดยขณะนี้มันเริ่มปรากฏการขยับเขยื้อนของมวลชนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มย่อยๆ ตลอดจนการปลุกระดมหรือการยั่วยุผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งมันก็สอดรับกับบรรดาหัวๆ อย่าง “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์”

ซึ่งปมขันแดงเองนี้เอง ทางหนึ่งถ้าจะมองว่า อีกฝั่งกำลังหยั่งเชิงคสช.เองด้วยว่า รู้ความเคลื่อนไหวพวกเขามากน้อยเพียงใดก็อาจจะมองได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้น จึงอย่าแปลกใจว่า ทำไมคสช. จึงละเอียดยิบในเรื่องนี้ แม้กระทั่ง “ขัน” เพราะทุกอย่างมันมีเจตนาแอบแฝงทั้งสิ้น ขณะที่ “ทักษิณ” เองก็ส่งสัญญาณเปิดเกมรุกชัดไปแล้ว หลังจากออกมาโวยวายแบบท้าให้จับกรณีแจกขันแดง  
 
ต่อจากนี้น่าจับตาเรื่องอีเวนต์ของการเมือง โดยเฉพาะการล้อกับสถานการณ์ปัจจุบัน เหมือนกับสงกรานต์เที่ยวนี้ที่แจกขันแดง ซึ่งพ้นสงกรานต์แล้ว ในช่วงของการทำประชามติเองยังจะมีโอกาสครบรอบ 2 ปี รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 อีก

แน่นอนถ้าเป็นฝ่ายต้านย่อมไม่พลาดวาระสำคัญๆ อย่างนี้ในการกระตุกหนวดเสือตะวันออก ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายน ที่มีวันสำคัญเกี่ยวกับประชาธิปไตย ไม่เว้นแม้กระทั่งในเดือนตุลาคมที่ปีนี้ประจวบเหมาะกับโอกาสครบรอบ 40 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

อยู่ที่ว่า สถานการณ์ตอนนั้นมันจะประจวบเหมาะกับวาระไหน แล้วตัวคสช.เองจะเพลี่ยงพล้ำในช่วงไหน ด้วยเรื่องอะไร ซึ่งเมื่อรู้ว่า หากล้มแล้วมีคนพร้อมที่จะกระทืบซ้ำ มันจึงเป็นที่มาของการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

แม้กระทั่งเรื่องหลักสูตรอบรมนักการเมืองเอง คสช.ก็ต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการกดสถานการณ์ให้ “นิ่ง” ในส่วนของนักการเมือง

โดยสภาพบนหลังเสือ ประเมินเป็นลบมากกว่าบวกทุกอย่างเพื่อให้รับมือทันตามนิสัยทหาร ยอมโดนว่า บ้าอำนาจ ดีกว่าปล่อยให้สถานการณ์บานปลาย ต่อให้จะเป็นเพียงแค่การ “เพาะเชื้อ” ก็ตาม
 
แล้วก็ละเอียดยิบกันถึงขนาดกลุ่มคนย่อยๆ ที่จะสามารถมีพัฒนาการนำไปสู่ภาพใหญ่ ไม่ใช่แค่จับตาแค่หัวขบวนแล้ว!
กำลังโหลดความคิดเห็น