xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็มโอยู” บีบคอมาเฟีย ดันผ่านร่าง รธน.ซือแป๋

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สะเก็ดไฟ

สายงานภายใต้บังคับบัญชาของพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เด้งรับลูกโปรเจกต์ปราบมาเฟียผู้มีอิทธิพลกันคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบก หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แถลงความคืบหน้ากันแทบจะทุกวัน

ล่าสุด ขยับมาถึงการยอมรับว่าในลิสต์มีตำรวจชั้นระดับนายพลรวมอยู่ด้วย ไม่เคอะเขินกลัวตัวเองเสียหาย ต่างจากกรณีไลน์พาดพิง “พลเอก” เซ็งลี้ซื้อ - ขายเก้าอี้ตำรวจ ที่จะเป็นจะตาย ไล่บี้ “บิ๊กตุ้ม” พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ คนใกล้ชิด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

นั่นเพราะปฏิบัติการปราบมาเฟียล้างผู้มีอิทธิพลของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เที่ยวนี้ มันมีนัยสำคัญมากกว่าภารกิจทำความสะอาดสังคมธรรมดา ๆ ทั่วไป โดยเฉพาะเงื่อนไขเวลา ตามโรดแมป 6 เดือน ในการปราบมาเฟียของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ผ่านมาแล้วร่วม 4 เดือน นับจากตรงนี้ก็เหลืออีกแค่ 2 เดือน ที่ต้องชำระล้างให้หมด

หมายความว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพลตามโรดแมปดังกล่าวจะเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม ก่อนทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับซือแป๋ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ตอนนี้ยังลำหักลำโค่นเรื่อง “ส.ว. ลากตั้ง” ตามสูตร “บิ๊กป้อม” กันอยู่ 2 เดือน

เลยมิวายถูกตั้งข้อสังเกตว่า ปฏิบัติการครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะว่ากันตามจริง มาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลทั้งหลายในประเทศไทยมันแทบจะแยกกันไม่ออกกับพวกหัวคะแนน หรือผู้นำทางความคิดในพื้นที่ พูดง่าย ๆ คือ เป็นคน ๆ เดียวกัน ดังนั้น การเข้าไปจอแจคนกลุ่มนี้ มันก็มีผลกับการลงประชามติที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะในประเทศไทยเอง นอกจากคนมีสีที่มักจะรับรู้กันว่าเป็นพวกผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียในหลายพื้นที่แล้ว อีกกลุ่มหนึ่ง ก็คือ นักการเมืองท้องถิ่น ตั้งแต่ นายก อบต. นายก อบจ. กำนัน - ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ในบางพื้นที่ซึ่งก็ถูกมองว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อท้องถิ่นนั้น ๆ เช่นเดียวกัน แล้วอีกบทบาทหนึ่งของคนพวกนี้ ก็คือ หัวคะแนนคนสำคัญของเวทีระดับชาติทั้งสิ้น การที่ คสช. รุกไล่เรื่องนี้ คนพวกนี้ย่อมเดือดร้อน

หากดูจากการลงพื้นที่ตรวจค้นจับกุมในช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คสช. มักล็อกเป้าไปที่พื้นที่ที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย เริ่มตั้งแต่ “นครปฐมโมเดล” ตอนนี้รุกคืบไปที่ชายแดนอย่าง จ.สระแก้ว มันก็เลยถูก “คนนินทา หมาดูถูก” ว่า เจตนาของ “แป๊ะ” กำลังต้องการอะไรมากกว่าการจับคนพวกนี้เข้าคุกเข้าตะรางเพื่อสร้างผลงานให้ตัวเองเป็นการทิ้งทวนก่อนลงหลังเสือเพียงอย่างเดียว

แต่กำลังมีการมองว่า นี่อาจเป็นการต่อรองอะไรบางอย่างกับพวกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ก่อนจะถึงการลงประชามติในเดือนกรกฎาคมนี้ เพราะพวกมาเฟียตามท้องถิ่นต่าง ๆ อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน มีผลในการตัดสินใจ สามารถชักจูงคนในท้องถิ่นว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญได้ ยิ่งหากไปรับกระสุนดินดำมาให้โน้มน้าวประชาชนให้โหวตคว่ำ พวกนี้จะมีบทบาทและเป็นตัวแปรสำคัญในการทำประชามติครั้งนี้เลยทีเดียว

ก็ดูสมเหตุสมผล เมื่อดูจากปฏิกิริยาล่าสุดของ “บิ๊กป้อม” ที่จะจับพวกมาเฟียและผู้มีอิทธิพลในลิสต์กว่า 6,000 คน มาลงเอ็มโอยู หรือ ข้อตกลง ให้เลิกเป็นมาเฟียให้หมด ยกเว้นพวกที่กระทำผิดกฎหมายจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการลงเอ็มโอยูครั้งนี้

ว่ากันตามความจริง ฝ่ายความมั่นคงเองมีข้อมูลอยู่แล้วว่า ใครเป็นใคร ใครทำธุรกิจผิดกฎหมายอะไร ซึ่งคนทั่วไปชาวบ้านชาวช่องก็รู้ ดังนั้น หากจะเข้าทลายไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย สั่งปุ๊บจับปั๊บยังได้ แต่ตอนนี้เลือกจะจับพวกลิ่วล้อลูกน้องไปก่อน ยังไม่ล่อไปถึงตัวใหญ่

แล้ว “บิ๊กป้อม” ก็เลือกที่จะใช้วิธีจับมาเซ็นเอ็มโอยู โดยป่าวประกาศออกมาอากาศ ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่า แป๊ะเองยังมีทางเลือกให้กับคนเหล่านี้อยู่ ไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมายไปห้ำหั่นทีเดียว เสมือนหนึ่งเป็นการให้คนพวกนี้ชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรดีกับชีวิต

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะว่าไปมันก็เหมือนเป็นการหยิบยื่นทางเลือกให้แบบมีตัวเลือกเดียว คือ ต้องเข้าร่วมเซ็นเอ็มโอยูเท่านั้น เพราะหากคนพวกนี้ฮึดฮัด นั่นหมายถึงการเสี่ยงที่จะหมดอำนาจ โดนตัดช่องทางทำมาหากิน แล้วเสี่ยงที่จะได้นอนซังเตยาว ๆ เพราะยุคนี้เผด็จการทหารมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อย่างที่เห็นกันว่าถ้าลองคิดจะจับใคร แปบเดียวก็รวบตัวได้ แบบมีพยานหลักฐานครบครันเสียด้วย

แน่นอนถ้าคอนโทรลคนกลุ่มนี้ได้ในช่วงของการทำประชามติ โอกาสที่จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับซือแป๋มีชัยผ่านการประชามติก็มีมากขึ้นเข้ามาอีก แคมเปญรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็จะไม่ทรงพลังเท่าไหร่ ยังไม่ต้องล้วงไปถึงขนาดว่าเอ็มโอยูนี้จะเป็นการกดให้กลุ่มคนเหล่านี้ต้องไปอธิบายชี้แจงต่อประชาชนว่าร่างรัฐธรรมนูญดีอย่างไร อย่างน้อย ๆ เอาแค่ทำให้คนกลุ่มนี้อยู่เฉย ๆ ได้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำประชามติในครั้งนี้แล้ว

แล้วโอกาสที่มาเฟียหรือผู้ทรงอิทธิพลเหล่านี้จะแข็งข้อก็มีน้อย เพราะต่างถูก “คาดโทษ” ไว้ในลิสต์หมดแล้ว ใครนอกลู่นอกทางผิดสัญญา ย่อมหมายถึงการเอาขาข้างหนึ่งไปแหย่ไว้ในตะรางเรียบร้อย ที่สำคัญกว่า คนพวกนี้ยังต้องการที่จะทำมาหากินต่อ ยังไม่อยากหมดอนาคตตอนนี้

เอาจริง ๆ มาตรการปราบมาเฟียโดยการเซ็นเอ็มโอยู ไม่ใช่มาตรการถาวรอะไรเลย เพราะพลันที่ คสช. ลงจากหลังเสือ ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ปัญหาผู้มีอิทธิพลก็ยังมีมากในสังคมต่อไป หากแต่มาตรการนี้เป็นมาตรการระยะสั้นที่ฝ่ายกุมต้องการทำเพื่อหวังผลอะไรบางอย่างเท่านั้น

เพราะนาทีนี้รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากการทำอย่างไรก็ได้ให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับซือแป๋มีชัยผ่านประชามติ การหวังอยู่ในอำนาจยาว ๆ เป็นไปได้ยาก เพราะกระแสโลกและกระแสในประเทศเริ่มปฏิเสธการอยู่ต่อของ คสช. ความนิยมในตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไม่ป๊อปปูลาร์และหอมหวานเหมือนปีแรก

ขณะที่เศรษฐกิจทรงกับทรุด มือดีด้านเศรษฐกิจไม่กล้าที่จะร่วมหอลงโลงด้วย เพราะกลัวเอาชื่อมาทิ้ง แถมยังมีข้อจำกัดของรัฐบาลทหารที่คบค้าสมาคมกับต่างประเทศได้ไม่เต็มที่

ดังนั้น สารพัดยุทธวิธีก็ต้องถูกนำมาใช้ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน เหมือนกับโปรเจกต์ “เอ็มโอยูมาเฟีย” หนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น