ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ประกาศแล้วว่า จะไม่มีการแก้มาตราหนักๆ ต่อให้นักการเมืองทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จะง้างเท้าเตรียมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติแล้วก็ตาม เป็นสัญญาณที่แข็งกร้าวว่าอย่างไรเสียในช่วงของรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานต่างๆ และช่วงการปรับแก้ในร่างสุดท้ายจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากจากที่มีการเผยแพร่ออกมา แต่จะเดินตามธง ตามโจทย์ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางพิมพ์เขียวเอาไว้ให้แบบเป๊ะๆ ทุกอย่าง
สอดรับกับท่าทีของคนในรัฐบาล ทั้ง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทั้ง “เนติบริกร”วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ก็ดูเหมือนจะเออออห่อหมกกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอาเสียมาก ไม่ค่อยติติง หรือแสดงความกังวลเท่าไหร่ แถมยังให้ท้าย หรือปกป้องเรื่องที่นักการเมืองสาดเสียเทเสียใส่ด้วยซ้ำ สะท้อนให้เห็นทิศทางเลยว่า แป๊ะพร้อมอุ้มกับรัฐธรรมนูญฉบับสุดโต่งเต็มที่ในสนามประชามติคราวนี้
การที่คสช. และกรธ.ปากกล้าขาสั่น เดินลุยไฟ ทั้งที่รู้ว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญมีโอกาสแท้งในชั้นประชามติสูง ไม่ใช่เพราะมั่นใจในเนื้อหาว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีเลิศประเสริฐศรี ถึงขนาดประชาชนออกมาลงคะแนนเห็นชอบ แต่นั่นเป็นเพราะคสช. เองก็คิดแผนเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะการที่ “บิ๊กตู่”ออกมายืนยันว่าต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านการทำประชามติ แต่การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายในปี 2560 แน่นอน
สถานการณ์ในช่วงการร่างรัฐธรรมนูญของ “ดร.ปื๊ด”บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สงครามประสาทของคสช. ที่มีต่อฝ่ายการเมือง คือ หากนักการเมืองจงใจจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ ก็ต้องแลกกับการต่ออายุคสช.ออกไปอีกร่วมปีๆ ซึ่งต้องเลือกเอา เพียงแต่ช่วงนั้นเดินไปไม่ถึงจุดนั้น เพราะ คสช.จงใจคว่ำยืดระยะเวลาตัวเองไปเสียก่อนในชั้นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
แต่คราวนี้หากคสช.ตั้งใจให้ร่างรัฐธรรมนูญคว่ำอีก เพื่อจะต่ออายุขัยตัวเอง เหมือนที่หลายคนมองว่าเขียนสุดโต่งเพราะตั้งใจคว่ำนั้น แผนนี้ไม่น่าจะได้ผลแล้ว และไม่ง่ายเนื่องจากเป็นการประจานเรื่องเสพติดอำนาจมากเกินไป
ขณะเดียวกัน การบริหารประเทศก็ลำบาก การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ย่ำต๊อก มาตรการบอยคอตทางอ้อมจากนอกประเทศก็มากขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านชาวช่องเริ่มอดรนทนไม่ได้กับการทำงานแบบความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ โดยรวมอารมณ์สังคมตอนนี้หลายคนอยากจะให้ คสช.พ้นไปวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ
การที่ “บิ๊กตู่”ออกมาคอนเฟิร์มการเลือกตั้งในปี 2560 จึงเหมือนเป็นการเล่นสงครามประสาทกับนักการเมืองโดยตรง เพราะการทำประชามติ จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้ หากปรากฏว่าตายทั้งกลม ไม่ผ่านประชามติ เท่ากับว่าอายุรัฐบาลจะเหลือแค่ปีกว่าๆ ถ้าจะกลับไปนับหนึ่งใหม่เหมือนเดิมด้วยการตั้งคณะกรรมการร่างขึ้นมาหนึ่งชุด โดยที่ไม่รู้ว่าถ้าร่างแล้วจะผ่านการทำประชามติอีกหรือไม่ แล้วถ้าไม่ผ่าน มันย่อมกินระยะเวลาเกินปี 2560 แน่
แล้ว “บิ๊กตู่”ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นแน่นอนในปีดังกล่าว
ถ้าคำนวณเวลาที่เหลืออยู่มันจึงไม่น่าจะใช่วิธีการเดิมแน่ เพราะทั้งระยะเวลา และความลำบากในการจะเดินไปสู่จุดนั้นไม่ง่ายเลยทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติ ยกเว้น “บิ๊กตู่”ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ให้คนนินทาหมาดูถูก ไม่จัดให้มีการเลือกตั้งในปี 2560 เท่านั้น
ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดนั่นคือ เตรียมพิมพ์เขียวที่ตอบโจทย์แป๊ะเอาไว้สักฉบับ เอาไว้มัดมือชกนักการเมืองที่ฟาดงวงฟาดงา จะคว่ำรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ โดยจะไปหยิบมาทำพิธีกรรมนิดหน่อยให้ไม่น่าเกลียดเกินไป แล้วใช้ระยะเวลาที่มีทำกฎหมายลูกให้สอดคล้องกฎหมายแม่ แล้วไม่ต้องผ่านประชามติ โดยอ้างเรื่องงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปโดยใช่เหตุ เพราะอย่างไร ถ้านักการเมืองไม่เอาอีกก็เสี่ยงจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
เรื่องที่จะไปหยิบรัฐธรรมนูญปี 2540 รัฐธรรมนูญปี 2550 มาปัดฝุ่นตามที่นักการเมืองเรียกร้อง ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะไม่ตอบโจทย์ในสิ่งที่แป๊ะอยากได้
ฉะนั้น โอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับมัดมือชกจะโหดถึงขนาดเผด็จการเรียกพี่ คณะรัฐประหารเรียกพ่อ จึงไม่ไกลเกินเอื้อม
นอกจากนี้ ยังจะอธิบายให้สังคมฟัง โดยการโยนขี้ให้เป็นความผิดของฝ่ายการเมือง ที่จ้องเล่นการเมืองมากเกินไป จนทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ มากกว่าจะมองเนื้อหา จึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว พูดให้ดูดีว่าเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน แต่สุดท้าย ตัวเองวางกลไกและการต่อท่อแบบซ่อนรูปเอาไว้หมดแล้ว
นาทีนี้เลยเป็นฝ่ายการเมืองที่ต้องชั่งใจว่า จะยอมกลืนเลือดเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย เพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แล้วยังพอมีอากาศหายใจอยู่บ้าง หรือจะสู้ต่อ โดยการรณรงค์คว่ำ ซึ่งไม่รู้ว่าสิ่งที่ คสช.เตรียมมัดมือชกมันจะเผด็จการเพียงไร หรือแผนต่อไปของแป๊ะคืออะไรกันแน่
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ไม่ว่าฉบับไหนไม่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าเจ็บสาหัส หรือเจ็บโคม่าเท่านั้น แม้แกนนำในพรรคจะออกมาแสดงจุดยืนแล้วว่าจะคว่ำ ประมาณว่ารอได้ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่ามันไม่ใช่เสียงสะท้อนของทุกคน อย่างที่รู้กันว่ากลุ่ม “เจ๊หน่อย”สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าก๊กกทม. ที่มีความสนิทสนมกับ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็พร้อมลงเลือกตั้งกับกติกาที่ คสช.ร่าง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ยังมะรุมมะตุ้ม ล่อกันเองอยู่ก็ต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไร ต้องสงบศึกกันให้เร็ว หาตัวชูโรงให้ได้ เพราะจะว่าไปถ้ารัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ผ่านประชามติ เป็นพรรคเต็งหนึ่งที่มีโอกาสจะได้เป็นรัฐบาล แต่ก็มีโอกาสเช่นเดียวกันที่นายกรัฐมนตรี จะไม่ได้มาจากพรรคสีฟ้า เนื่องจากกติกาใหม่เขียนเอื้อให้เป็นรัฐบาลผสม หนำซ้ำ นายกฯ ยังมาจากคนนอกที่ไม่ได้เป็นส.ส.ได้ ซึ่งเป็นการปูทางให้ชายในคราบลายพราง
ดังนั้น หากพรรคอ่อนแอ ไม่มีหัวระดับพรีเมียมขายได้ ตามสเปกแป๊ะ สุดท้ายก็จะเป็นได้แค่ไม้ประดับในแจกัน หรือเป็นบ่าให้แป๊ะเหยียบขึ้นไปเถลิงอำนาจเท่านั้น
แต่ถ้ายอมรับ ตกลงผลประโยชน์กันได้ ขอแค่ได้เป็นรัฐบาล ก็เป็นไปได้ที่พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมจะโหวตให้ผ่าน ซึ่งก็จะทำให้โอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับมีชัย มีโอกาสเข้าวินมีสูงขึ้น เนื่องจากมวลชนของฝั่งนี้ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
ในอดีตที่ผ่านมามักเป็นฝ่ายที่ได้รับการอุ้มชูจากทหารให้ได้เป็นรัฐบาล แต่คราวนี้ถูกวัดใจว่า จะเป็นฝ่ายอุ้มทหารให้เป็นนายกฯ สักครั้งได้หรือไม่.
สอดรับกับท่าทีของคนในรัฐบาล ทั้ง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทั้ง “เนติบริกร”วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ก็ดูเหมือนจะเออออห่อหมกกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอาเสียมาก ไม่ค่อยติติง หรือแสดงความกังวลเท่าไหร่ แถมยังให้ท้าย หรือปกป้องเรื่องที่นักการเมืองสาดเสียเทเสียใส่ด้วยซ้ำ สะท้อนให้เห็นทิศทางเลยว่า แป๊ะพร้อมอุ้มกับรัฐธรรมนูญฉบับสุดโต่งเต็มที่ในสนามประชามติคราวนี้
การที่คสช. และกรธ.ปากกล้าขาสั่น เดินลุยไฟ ทั้งที่รู้ว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญมีโอกาสแท้งในชั้นประชามติสูง ไม่ใช่เพราะมั่นใจในเนื้อหาว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีเลิศประเสริฐศรี ถึงขนาดประชาชนออกมาลงคะแนนเห็นชอบ แต่นั่นเป็นเพราะคสช. เองก็คิดแผนเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะการที่ “บิ๊กตู่”ออกมายืนยันว่าต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านการทำประชามติ แต่การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายในปี 2560 แน่นอน
สถานการณ์ในช่วงการร่างรัฐธรรมนูญของ “ดร.ปื๊ด”บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สงครามประสาทของคสช. ที่มีต่อฝ่ายการเมือง คือ หากนักการเมืองจงใจจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ ก็ต้องแลกกับการต่ออายุคสช.ออกไปอีกร่วมปีๆ ซึ่งต้องเลือกเอา เพียงแต่ช่วงนั้นเดินไปไม่ถึงจุดนั้น เพราะ คสช.จงใจคว่ำยืดระยะเวลาตัวเองไปเสียก่อนในชั้นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
แต่คราวนี้หากคสช.ตั้งใจให้ร่างรัฐธรรมนูญคว่ำอีก เพื่อจะต่ออายุขัยตัวเอง เหมือนที่หลายคนมองว่าเขียนสุดโต่งเพราะตั้งใจคว่ำนั้น แผนนี้ไม่น่าจะได้ผลแล้ว และไม่ง่ายเนื่องจากเป็นการประจานเรื่องเสพติดอำนาจมากเกินไป
ขณะเดียวกัน การบริหารประเทศก็ลำบาก การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ย่ำต๊อก มาตรการบอยคอตทางอ้อมจากนอกประเทศก็มากขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านชาวช่องเริ่มอดรนทนไม่ได้กับการทำงานแบบความเลวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ โดยรวมอารมณ์สังคมตอนนี้หลายคนอยากจะให้ คสช.พ้นไปวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ
การที่ “บิ๊กตู่”ออกมาคอนเฟิร์มการเลือกตั้งในปี 2560 จึงเหมือนเป็นการเล่นสงครามประสาทกับนักการเมืองโดยตรง เพราะการทำประชามติ จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้ หากปรากฏว่าตายทั้งกลม ไม่ผ่านประชามติ เท่ากับว่าอายุรัฐบาลจะเหลือแค่ปีกว่าๆ ถ้าจะกลับไปนับหนึ่งใหม่เหมือนเดิมด้วยการตั้งคณะกรรมการร่างขึ้นมาหนึ่งชุด โดยที่ไม่รู้ว่าถ้าร่างแล้วจะผ่านการทำประชามติอีกหรือไม่ แล้วถ้าไม่ผ่าน มันย่อมกินระยะเวลาเกินปี 2560 แน่
แล้ว “บิ๊กตู่”ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นแน่นอนในปีดังกล่าว
ถ้าคำนวณเวลาที่เหลืออยู่มันจึงไม่น่าจะใช่วิธีการเดิมแน่ เพราะทั้งระยะเวลา และความลำบากในการจะเดินไปสู่จุดนั้นไม่ง่ายเลยทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติ ยกเว้น “บิ๊กตู่”ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ให้คนนินทาหมาดูถูก ไม่จัดให้มีการเลือกตั้งในปี 2560 เท่านั้น
ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดนั่นคือ เตรียมพิมพ์เขียวที่ตอบโจทย์แป๊ะเอาไว้สักฉบับ เอาไว้มัดมือชกนักการเมืองที่ฟาดงวงฟาดงา จะคว่ำรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ โดยจะไปหยิบมาทำพิธีกรรมนิดหน่อยให้ไม่น่าเกลียดเกินไป แล้วใช้ระยะเวลาที่มีทำกฎหมายลูกให้สอดคล้องกฎหมายแม่ แล้วไม่ต้องผ่านประชามติ โดยอ้างเรื่องงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปโดยใช่เหตุ เพราะอย่างไร ถ้านักการเมืองไม่เอาอีกก็เสี่ยงจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
เรื่องที่จะไปหยิบรัฐธรรมนูญปี 2540 รัฐธรรมนูญปี 2550 มาปัดฝุ่นตามที่นักการเมืองเรียกร้อง ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะไม่ตอบโจทย์ในสิ่งที่แป๊ะอยากได้
ฉะนั้น โอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับมัดมือชกจะโหดถึงขนาดเผด็จการเรียกพี่ คณะรัฐประหารเรียกพ่อ จึงไม่ไกลเกินเอื้อม
นอกจากนี้ ยังจะอธิบายให้สังคมฟัง โดยการโยนขี้ให้เป็นความผิดของฝ่ายการเมือง ที่จ้องเล่นการเมืองมากเกินไป จนทำให้ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ มากกว่าจะมองเนื้อหา จึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว พูดให้ดูดีว่าเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน แต่สุดท้าย ตัวเองวางกลไกและการต่อท่อแบบซ่อนรูปเอาไว้หมดแล้ว
นาทีนี้เลยเป็นฝ่ายการเมืองที่ต้องชั่งใจว่า จะยอมกลืนเลือดเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย เพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แล้วยังพอมีอากาศหายใจอยู่บ้าง หรือจะสู้ต่อ โดยการรณรงค์คว่ำ ซึ่งไม่รู้ว่าสิ่งที่ คสช.เตรียมมัดมือชกมันจะเผด็จการเพียงไร หรือแผนต่อไปของแป๊ะคืออะไรกันแน่
ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ไม่ว่าฉบับไหนไม่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าเจ็บสาหัส หรือเจ็บโคม่าเท่านั้น แม้แกนนำในพรรคจะออกมาแสดงจุดยืนแล้วว่าจะคว่ำ ประมาณว่ารอได้ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่ามันไม่ใช่เสียงสะท้อนของทุกคน อย่างที่รู้กันว่ากลุ่ม “เจ๊หน่อย”สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าก๊กกทม. ที่มีความสนิทสนมกับ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็พร้อมลงเลือกตั้งกับกติกาที่ คสช.ร่าง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ยังมะรุมมะตุ้ม ล่อกันเองอยู่ก็ต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไร ต้องสงบศึกกันให้เร็ว หาตัวชูโรงให้ได้ เพราะจะว่าไปถ้ารัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ผ่านประชามติ เป็นพรรคเต็งหนึ่งที่มีโอกาสจะได้เป็นรัฐบาล แต่ก็มีโอกาสเช่นเดียวกันที่นายกรัฐมนตรี จะไม่ได้มาจากพรรคสีฟ้า เนื่องจากกติกาใหม่เขียนเอื้อให้เป็นรัฐบาลผสม หนำซ้ำ นายกฯ ยังมาจากคนนอกที่ไม่ได้เป็นส.ส.ได้ ซึ่งเป็นการปูทางให้ชายในคราบลายพราง
ดังนั้น หากพรรคอ่อนแอ ไม่มีหัวระดับพรีเมียมขายได้ ตามสเปกแป๊ะ สุดท้ายก็จะเป็นได้แค่ไม้ประดับในแจกัน หรือเป็นบ่าให้แป๊ะเหยียบขึ้นไปเถลิงอำนาจเท่านั้น
แต่ถ้ายอมรับ ตกลงผลประโยชน์กันได้ ขอแค่ได้เป็นรัฐบาล ก็เป็นไปได้ที่พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมจะโหวตให้ผ่าน ซึ่งก็จะทำให้โอกาสที่รัฐธรรมนูญฉบับมีชัย มีโอกาสเข้าวินมีสูงขึ้น เนื่องจากมวลชนของฝั่งนี้ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน
ในอดีตที่ผ่านมามักเป็นฝ่ายที่ได้รับการอุ้มชูจากทหารให้ได้เป็นรัฐบาล แต่คราวนี้ถูกวัดใจว่า จะเป็นฝ่ายอุ้มทหารให้เป็นนายกฯ สักครั้งได้หรือไม่.