ป้อมพระสุเมรุ
ใครบอกแป๊ะเหลี่ยมน้อยกว่าการเมือง! เอาเฉพาะคิวที่ขุมข่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาเล่นสงครามจิตวิทยากับฝ่ายการเมืองที่กำลังรุมขย่มร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ 21 อรหันต์คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่นำโดยมือกฎหมายชั้นเซียน “มีชัย ฤชุพันธุ์”
สาดน้ำลายใส่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญกันจนกรธ.กลายเป็นหมู่บ้านกระสุนตก โดยเฉพาะโหมดจับมือถล่มโดยมิได้นัดหมายของสองพรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย - ประชาธิปัตย์” กระทั่งหลายคนประเมินสถานการณ์ หากเป็นอย่างนี้มีสิทธิ์เดินทางเดียวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “ดร.ปื๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
ไม่น่ารอดในการทำประชามติ เพราะถูกนักการเมืองที่มีมวลชนกลุ่มใหญ่ขวางเอาไว้!
ซึ่งจะว่ากันตามเนื้อหา “ฉบับมีชัย” สุดลิ่มทิ่มประตูกว่า “ฉบับบวรศักดิ์” ด้วยซ้ำไป เลยถูกนำไปตีความกันว่า หรือ “แป๊ะ” เจ้าของเรือเจตนาจะให้ร่างรัฐธรรมนูญแท้งอีกคำรบ เพื่อต่อท่อลากยาวกันออกไปอีกหน เหมือนกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ว่าจะอยู่กันถึงปี 2565 นู่นเลย
แต่จากท่าที 3 - 4 วันมานี้ อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกแปรรหัสผิด หลังจากปฏิกิริยาของฝ่ายขั้วอำนาจมาในแนวแปลกๆ ตั้งแต่เจ้าของสัมปทานร่างรัฐธรรมนูญ “มีชัย” ที่ออกมาแบบเหนือเมฆ ประชดประชันใส่ฝ่ายการเมืองที่แยกเขี้ยวจะรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญกันมาพักใหญ่ดังๆ ในทำนอง ถ้าไม่ผ่าน ก็เอารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มาใช้ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป
แน่นอนในทางทฤษฎีหรือปฏิบัติเป็นไปได้ยากหากจะเอารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว หรือฉบับคสช.ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มาใช้ในระยะยาว เพราะมันถูกออกแบบมาให้ใช้แค่ชั่วคราวเท่านั้นเหมือนที่ “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุ
ขณะเดียวกัน มันยังไม่มีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับนโยบายพื้นฐานของรัฐ บทบัญญัติเกี่ยวกับการเลือกตั้ง บทบัญญัติเกี่ยวกับองค์กรอิสระอีกหลายองค์กร ฯลฯ ถ้าจะใช้เหมือนที่ “มีชัย” บอก จะต้องเพิ่มมาตราต่างๆ เข้าไปเป็นอีกสิบๆ มาตรา ดังนั้น หากจะยกมาทั้งดุ้นเลยเป็นไปได้ยาก
แต่มันเป็นไปได้ตรงที่ว่า เอารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้เป็นตัวตั้ง แล้วยำๆ รวมกับสิ่งที่คสช.ต้องการยัดเข้าไป เพื่อให้ครอบคลุมทุกหมวดหมู่
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง ร่างรัฐธรรมนูญที่บรรดานักการเมืองก่นด่ากันระงมเมืองตอนนี้ของ “มีชัย” ว่า เป็นเผด็จการซ่อนรูปจะเป็นเพียงเด็กทารกเท่านั้น หากเทียบกับฉบับชั่วคราวพันธุ์ผสม ซึ่งแน่นอนว่า คสช.ต้องเป็นผู้ร่างเอง โดยใช้ทีมกฎหมายของแป๊ะ ย่อมเข้มข้นกว่าหลายเท่า
ชงเอง ร่างเอง เอาตามที่ตัวเองต้องการ บอกได้คำเดียว “เผด็จการ” ยังเรียกพี่ เพราะไม่ต้องไปนั่งรับฟังเสียงท้วงติงจากใคร ไม่ต้องบริกรรมคาถา ผ่านพิธีกรรมอะไรสักอย่าง
สอดรับกับปฏิกิริยาของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่ย่อมปริปากปล่อยคีย์เวิร์ดออกมาหลายประโยค หลังโดนทวงถามบ่อยๆ ถึงทางออกหากร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับมีชัย” ไม่ผ่านการทำประชามติว่าจะทำอย่างไร
“บิ๊กตู่” ยืนยันไม่ว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านประชามติ อย่างไรเสียการเลือกตั้งในปี 2560 จะต้องเกิดขึ้น นั่นเท่ากับว่า โรดแม็ปจะไม่ได้ถูกขยาย และทางออกของรัฐบาลหากประชามติไม่ผ่านไม่ใช่การ “นับหนึ่งใหม่” แน่
ถ้ามองจากสภาพความเป็นจริง การทำประชามติจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2559 ส่วนการเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2560 แล้วหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจริง รัฐบาลจะมีเวลาแค่ 1 ปีเท่านั้น
ถามว่า เวลาเท่านั้นไม่เพียงพอในการจะตั้งต้น “นับหนึ่งใหม่” ในการทำรัฐธรรมนูญเหมือนที่แล้วๆ มา แล้วอย่าลืมว่า ยังต้องมีเวลาเผื่อในการทำกฎหมายลูกอีก
แล้ว “แป๊ะ” จะใช้ทางไหน ซึ่งคำสัมภาษณ์ของทั้ง “มีชัย” และ “บิ๊กตู่” มีความเชื่อมโยงกันในแง่วิธีการคือ หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ก็เป็นไปได้สูงที่ “แป๊ะ” จะไปหยิบรัฐธรรมนูญจากที่ไหนมาสักฉบับเอามาใช้ โดยไม่ผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมเหมือนของ “บวรศักดิ์ - มีชัย”
ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่เริ่มดังออกมา ทีมงาน “ซือแป๋ คสช.” ทั้ง มีชัย - วิษณุ - พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซุ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับสนองความต้องการ “แป๊ะ” เอาไว้แล้ว มีประมาณ 50 มาตรา กรณีร่างรัฐธรรมนูญถูกนักการเมืองคว่ำ
ที่บังเอิญไปสอดคล้องกับวรรคทองของ “บิ๊กตู่” แบบคล้ายคลึง “เราก็ต้องหารัฐธรรมนูญมาให้เลือกตั้งจนได้นั่นแหละ อาจมีมาตราเดียวหรือ 2-3 มาตราก็พอแล้ว คือ 1.ให้มีการเลือกตั้ง 2.เรื่องสิทธิมนุษยชน 3.เรื่องประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ ไร้ขีดจำกัด พอแล้ว 3 มาตรา คงไม่แตกต่างอะไรไปมากกว่านี้ หรือจะเอารัฐธรรมนูญที่มาจากต่างดาวกันหรืออย่างไร มาตราก็มีแบบนี้ทั้งนั้น อันไหนมีอยู่แล้วใช้ได้ก็ใช้ได้ อันไหนไม่ได้ก็เติมเข้าไป เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูป อะไรที่พิเศษในการปฏิรูปก็ต้องใส่เข้าไป ซึ่งไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อการปฏิรูป”
พร้อมเหตุผลเป็นออปชั่น สาเหตุที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะฝ่ายการเมืองจ้องแต่จะคว่ำโดยไม่สนเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เอาแต่สาดโคลนเล่นการเมือง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ณ นาทีนี้ เอาจริงๆ มองดูท่าที “บิ๊กตู่” ต่อร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับมีชัย” ก็ดูจะพึงพอใจแล้ว หลังชื่นชมเรื่องกลไกป้องกันการทุจริต การเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้น หากจับสัญญาณการปล่อยแผนสำรองแบบเกริ่นๆ ออกมา ก็เหมือนเป็นการเอาคืนฝ่ายการเมืองที่ห้าวเป้งจะคว่ำกันทุกวี่วัน
สวมบทโหดๆ “มัดมือชก” ให้เลือกกันเสียเลย ระหว่างร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับมีชัย” ที่รังเกียจรังงอนกันนัก กับ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแป๊ะจัดเอง”
เปิดเกมวัดใจกันไปเลย ถ้าจงใจจะคว่ำแสดงว่า รับได้กับกติกาที่ “เผด็จการเรียกพ่อ” กันได้ งานนี้ทำเอานักการเมืองร้องยี้ บางคนถึงขยาด กับคิวเกลือจิ้มเกลือของ คสช.
ทางหนึ่ง คสช.ก็รู้อยู่แล้วว่า ที่ออกมาตะโกนเย้วๆ จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะยังรอได้ ไม่รีบเลือกตั้งนั้นเป็นแค่เสียงของแกนนำพรรค แต่ยังมีอดีตส.ส.และนักการเมืองหลายคนที่อยากจะกลับสู่สนามเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากอดอยากปากแห้ง กระเป๋าแฟบกันถ้วนหน้า เลยหย่อนข้อเสนอไปให้ตัดสินใจง่ายขึ้น ส่วนพวกหัวแข็ง เจอมุกนี้ก็มีสิทธิ์จะโลเลได้เหมือนกัน
ขณะที่บรรดาบิ๊กๆ คสช. โดยเฉพาะในราย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ผู้มีอำนาจตัวจริง และทรงอิทธิพลในการตัดสินเรื่อง “อยู่ต่อ” หรือ “ปล่อยมือ” จากคราวก่อนเป็นคนส่งซิกให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับบวรศักดิ์”
มาคราวนี้อย่างไรก็ได้ ร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับมีชัย” ผ่านหรือไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร ผ่านก็เลือกตั้ง ไม่ผ่านก็เอาฉบับฮาร์ดคอร์ใส่ เพราะตอนนี้คุมสภาพได้เกือบหมดแล้ว
มีแต่นักการเมืองน่ะแหละ ต้องกลับไปถามตัวเอง เอาอย่างไรกับชีวิตดี!