อดีต สปช.บุรีรัมย์ มองร่างรัฐธรรมนูญอำนาจถูกวางไว้ที่องค์กรอิสระ เพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ชาติถูกปกครองด้วยคน 9 คน สอบได้ทุกองค์กร ชี้ กรธ.เจตนาแบบ กมธ.ยกร่างฯ ตั้งใจให้การเมืองอ่อนแอ ปูทางนายกฯ คนนอก หนักกว่า คปป. คิดแบบยุคไดโนเสาร์ เชื่อไม่ผ่านประชามติ
วันนี้ (19 ม.ค.) นายทิวา การกระสัง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวถึงเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญว่า เห็นได้ชัดว่าอำนาจทุกอย่างได้ถูกวางไว้ที่องค์กรอิสระ ยิ่งการนำการวินิจฉัยประเพณีการปกครอง ตามมาตรา 7 เดิมไปอยู่ในหมวดของศาลรัฐธรรมนูญจะยิ่งทำให้ประเทศนี้ถูกปกครองโดยคนเพียง 9 คนเท่านั้น เพราะการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญตามร่างฉบับนั้นจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญสามารถตรวจสอบได้ทุกองค์กร ก้าวก่ายไปวินิจฉัยได้ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการได้หมด ต่อไปนี้มีอะไรก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญอย่างเดียวซึ่งจะทำให้การถ่วงดุลระหว่างทั้ง 3 อำนาจดังกล่าวนั้นเสียไป เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจใหญ่กว่าอำนาจของทั้งสามเสาหลัก ตนคิดว่า กรธ.มีเจตนารมณ์เดียวกับแนวทางของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน เพราะเห็นได้ชัดว่ายังต้องการคงอำนาจไว้ โดยตั้งใจให้พรรคการเมือง รัฐบาลรวมไปถึงรัฐสภาอ่อนแอเพื่อเปิดทางให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี
“นี่เป็นความคิดยุคไดโนเสาร์ แต่กลับบอกว่าเป็นประชาธิปไตยแบบประเทศไทย ที่ผ่านมาผมไม่คาดหวังว่า รัฐธรรมนูญจะมอบอำนาจอะไรให้ประชาชนมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่เสียดายเพราะพวกเรา สปช.อุตส่าห์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ลงไปแล้วเพราะต้องการเนื้อหาที่จะถูกร่างขึ้นใหม่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่กลับแย่ลงไปอีก ยิ่งกว่ามี คปป.ด้วยซ้ำ เพราะนี่ถือเป็นการทำลายระบบการถ่วงดุลอย่างชัดเจน หากมีการทำประชามติจริงก็เชื่อว่าจะไม่ผ่าน ถึงอย่างไรพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยจะไม่รับอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่ก็จะผ่านแบบแสนสาหัส โดยจะได้คะแนนจากประชาชนบางส่วนที่รู้สึกเบื่อหน่าย เพราะจะได้มีการเลือกตั้งเพื่อปลดล็อกจากการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากต่างประเทศเสียที ไม่ใช่รับเพราะเรื่องสิทธิเสรีภาพ เพราะมันไม่มี” นายทิวากล่าว