โฆษก กรธ.แจงเห็นชอบแก้ รธน.ต้องไม่เปลี่ยนแปลงการปกครอง กำหนดแก้เรื่องใดต้องผ่านประชามติ นัดถก 21 ธ.ค.เพิ่มอำนาจศาลชี้ขาดร่างแก้ รธน. ออกกฎท้องถิ่นห้ามโยกงบ กันทุจริต ฝ่าฝืนเจอฟ้องศาล คงกำหนดให้มีรายได้ของตนเอง บริหารงานต้องมีกฎหมายรองรับ
วันนี้ (18 ธ.ค.) นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหลักการเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งมีความเห็นชอบร่วมกันว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ขณะเดียวกันยังจะกำหนดลงในรายละเอียดด้วยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องใดบ้างที่ต้องการผ่านการทำประชามติ
นายชาติชายกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้มีกรธ.จำนวนหนึ่งนำประเด็นข้อกฎหมายมาหารือว่าควรให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังจากในอดีตเคยมีปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กรธ.จะนำมาพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 21 ธ.ค.ต่อไป
โฆษก กรธ.กล่าวว่า สำหรับหลักการของร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.ได้พิจารณาเสร็จเพิ่มเติมแล้ว คือ การปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีทั้งหมด 6 มาตรา มีสาระสำคัญตรงที่การกำหนดให้การทำงบประมาณประจำของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายการหรือโยกงบประมาณไปลงในส่วนที่นอกเหนือจากรายการที่กำหนดไว้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดใช้งบประมาณในทางทุจริต โดยเป็นหลักการเดียวกับการทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศที่ห้ามมีการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ หากผู้บริหารท้องถิ่นคนใดฝ่าฝืนอาจเป็นเหตุให้สามารถยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง หรือศาลอาญาได้แล้วแต่กรณี
นายชาติชายกล่าวอีกว่า สำหรับหลักการในเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ทาง กรธ.ยังคงให้กำหนดให้รัฐต้องให้องค์กรท้องถิ่นมีรายได้เป็นของตนเอง เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นอิสระ พร้อมทั้งกำหนดให้การบริหารงานท้องถิ่นต้องมีกฎหมายรองรับทั้งการจัดการรายได้ การทำแผนบริหาร การกำกับดูแลและป้องกันการทุจริต ส่วนที่มาของสมาชิกสภาท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้ง ส่วนผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งหรือความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น