โฆษก กรธ.ระบุให้ประมุข 3 ศาล หาทางออกประเทศเพื่อเกิดวิกฤต แค่ความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติ กรธ. ส่วนนายกฯ จะเป็นคนนอกหรือคนใน อยู่ที่พรรคการเมืองจะเสนอ
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงข้อเสนอที่อาจให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นผู้หาทางออกเมื่อเกิดวิกฤตประเทศว่า เรื่องนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของตน ไม่ใช่ข้อเสนอของที่ประชุม กรธ. ที่ตนมีความเห็นแบบนั้นเพราะ อยากเสนอกฎเกณฑ์ใหม่ไม่ให้เกิดทางตัน ประเทศเรามี 3 เสาหลัก คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ หากฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติเกิดความขัดแย้งกันหรือเกิดวิกฤตทำงานไม่ได้ เราก็ควรให้ฝ่ายตุลาการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย อาจจะประชุมหารือกันเพื่อหาทางออกหรือเชิญบุคคลที่ขัดแย้งมาพูดคุยกัน ไม่ได้แปลว่าจะให้ตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดว่าใครผิดใครถูก เพียงแค่พูดคุยเพื่อหาทางออกเท่านั้น
นายชาติชายกล่าวว่า ส่วนการประชุมของกรธ.จากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาเรื่องฝ่ายบริหาร เช่น ที่มาและคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ซึ่งประเด็นนายกฯ คนนอกนั้น ตนขอชี้แจงว่า ไม่มีประเทศไหนในโลกกำหนดว่านายกฯ ต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น ในเมื่อ กรธ.กำหนดไว้ว่าพรรคการเมืองจะต้องเสนอชื่อผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ เวลาเลือกตั้ง ส.ส.แล้วให้สภาผู้แทนเป็นผู้เลือก คนที่พรรคไม่ได้เสนอชื่อก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ เป็นการสกัดอีแอบหรือไอ้โม่งได้อยู่แล้ว และพรรคการเมืองเองก็ต้องหารือกับสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนเวลาจะเสนอชื่อด้วย เมื่อคุยกันรู้เรื่องก็จบ จะนายกฯ คนนอกหรือคนในก็ขึ้นอยู่กับพรรคเพราะพรรคเป็นคนเลือกมาเอง
ส่วนตัวมองว่าหากรัฐธรรมนูญเขียนกำหนดว่านายกฯ ต้องเป็น ส.ส.จะเป็นการตีกรอบจำกัดตนเอง จะถือเป็นการผูกขาดให้คนเลือกหรือไม่ หากคนที่มีฝีมือเขาไม่ได้อยากเป็น ส.ส. ประเทศจะเสียโอกาสได้คนเก่งๆ มาทำงาน ในยามที่โลกเดินหน้าไปไกล ระบอบประชาธิปไตยต้องเปิดโอกาสให้ทุกคน