ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แถลงส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญ 16 หมวด 279 มาตรา บ่ายโมงสามสิบเก้านาที ระบุ มุ่งหมายให้เกิดการทัดเทียม ไม่เหลื่อมล้ำ ประชาชนได้รับการปกป้องสิทธิเสรีภาพ เตรียมส่งให้ กกต. ไปแจกจ่ายอย่างทั่วถึง ภายใน 15 วัน พร้อมร่วมมือทยอยออกไปชี้แจงรายละเอียดกับทางราชการ
วันนี้ (29 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.39 น. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ ว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 58 เราได้รับการแต่งตั้งเป็น กรธ. กำหนดทำงานต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 1 เม.ย. แต่เราก็ทำให้เสร็จก่อน เพื่อจะได้มีเวลาตรวจสอบ ตั้งแต่การทำงานครั้งแรก รวมเราประชุมทั้งหมด 115 ครั้ง ร่างฉบับแรกที่เปิดเผย เมื่อวันที่ 29 ม.ค. มี 270 มาตรา จากนั้นเราออกไปชี้แจง และสัมมนาทั้งสิ้น 30 ครั้ง มีผู้เสนอให้ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม 258 ข้อ มีทั้งมาจากชาวบ้านเดินดินทั่วไป องค์กรสำคัญ ศาล องค์กร อิสระ สปท. สนช. ครม. และ คสช. ซึ่งเราได้นำมาแก้ไขทั้งสิ้น 88 มาตรา นำมาควบรวม 6 มาตรา เพิ่มใหม่ 15 มาตรา รวมแล้วร่างฉบับสุดท้ายมี 279 มาตรา
กรธ. ได้ทำหนังสือ และร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ ส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 39/1 เรียบร้อยแล้ว จากนั้น ครม. จะส่งต่อไปยัง กกต. เพื่อให้เตรียมการทำประชามติ สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แม้จะไม่ได้พูดว่า ประชาชนเป็นใหญ่ แต่เรามุ่งหมายให้เกิดการทัดเทียม ไม่เหลื่อมล้ำ ประชาชนได้รับการปกป้องสิทธิเสรีภาพ โดยเรายึดไปตามหลักของท่าน พุทธทาสภิกขุ ที่ว่า ‘ประชาธิปไตย ไม่ใช่การมุ่งให้ประชาชนเป็นใหญ่ แต่ต้องมุ่งไปที่ประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ’
หมวดสิทธิและเสรีภาพ หน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และการปฏิรูป มีการแก้ไขมากที่สุด เดิมในร่างแรก เราพยายามเขียนให้ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง ทำให้ระบุถึงสิทธิและเสรีภาพไม่มากนัก แต่ให้มีการรับรองอย่างกว้างขวาง ซึ่งจากรับฟังความเห็น พบว่า ประชาชนยังไม่เข้าใจ นักวิชาการยังตีไม่แตก มองว่า นั่นเป็นการตัดสิทธิของประชาชน เพื่อไม่ให้เป็นความคลางแคลงใจ กรธ. จึงปรับเนื้อหาส่วนนี้ใหม่ ให้กระจ่างมากขึ้น โดยไม่ได้เขียนไว้ลอย ๆ เหมือนที่ผ่านมา หากเรื่องใดประชาชนต้องได้รับประโยชน์ ก็กำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐไว้ เพื่อไม่ต้องให้ประชาชนไปเรียกร้องทีละคน เช่น การศึกษา การสาธารณสุขพื้นฐาน การเปิดเผยข้อมูล พร้อมกำหนดให้ฟ้องร้องได้ หากรัฐไม่ทำ
ด้านความเสมอภาคทางเพศ ก็กำหนดให้สตรีต้องได้รับการดูแลคุ้มกัน ตามสภาวะที่อ่อนแอกว่าผู้ชาย ตลอดจนถึงการจัดงบประมาณต้องคำนึงถึงความเท่าเทียมทางเพศ ส่วนข้อเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เราเห็นว่า อาจเกิดปัญหาและไม่คุ้มค้า จึงกำหนดใหม่ให้ ให้มีการศึกษาและเผยแพร่หลักพุทธเถรวาท เพื่อให้พัฒนาจิตใจและปัญญา พร้อมทั้งบัญญัติกลไก ป้องกันการบ่อนทำลายพุทธศาสนาทุกรูปแบบ โดยให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วม จะได้ให้ครบพุทธบริษัท 4 ถือเป็นครั้งแรกที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
สำหรับ กลไกและองคาพยพทางการเมือง ได้ยึดประชาชนเป็นหลักสำคัญ ไม่ใช่พรรคการเมืองหรือนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว การประกาศรายชื่อนายกฯก่อนเลือกตั้ง และที่มา ส.ว. เพื่อให้ประชาชนเห็นอนาคตทางการเมืองอย่างชัดแจ้ง และเกิดการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนการปราบปรามทุจริต มีความเข้มงวดขึ้น ไม่ให้คนทุจริตต่อหน้าที่และการเลือกตั้ง เข้าสู่การเมืองไม่ได้ตลอดไป พร้อมทั้งหากใครฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงก็ต้องพ้นตำแหน่ง และอาจจะกลับมาอีกไม่ได้
นอกจากนี้ ยังเป็นหน้าที่ประชาชนที่ต้องไม่ให้การสนับสนุนทุจริตทุกรูปแบบทั้งเอกชน และรัฐ และต้องเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องให้ความรู้ ว่า การทุจริตเป็นอันตรายต่อบ้านเมือง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมแจ้งเบาะแสทุจริตได้ สำหรับองค์กรอิสระ กำหนดให้มีที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีพื้นฐานสูงขึ้น มีการวางกลไกให้ ต้องได้รับการตรวจสอบเหมือนสถาบันการเมืองอื่น
ส่วนการปฏิรูปได้แยกออกเป็นอีกหมวดหนึ่งตามข้อเสนอ แบ่ง เป็น 7 ด้านคือ การเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม การศึกษา เศรษฐกิจ และอื่น ๆ โดยรัฐธรรมนูญ จะบอกเป้าหมายการปฏิรูปแต่ละด้าน กำหนดให้บรรลุการปฏิรูปตามเวลาที่กำหนด กฎหมายต่าง ๆ ที่ไม่เคยทำได้แล้วเสร็จ อย่าง กฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายวินัยการเงินการคลัง ตลอดจนกฎหมายเกี่ยวกับทุจริตที่ไม่เคยทำแล้วเสร็จ ครั้งนี้ เรากำหนดให้ชัดว่า ต้องเสร็จภายใน 240 วัน เพื่อเสนอต่อ สนช. พร้อมทั้งกำหนดว่า หากหน่วยงานใดทำไม่เสร็จ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง แน่นอนว่า กฎหมายเหล่านั้น จะเสร็จภายในรัฐบาลนี้
ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแรก ในบทเฉพาะกาล ให้มี ส.ว. มาจากการสรรหา 250 คน ตามข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สาย โดยมีหน้าที่ดูแลกฎหมาย ที่อาจจะกระทบกระเทือนต่อกระบวนการยุติธรรม ไปพร้อมกับ หน้าที่การติดตามทวงถามเกี่ยวกับการปฏิรูป
จากนี้ต่อไป กรธ. จะทำคำชี้แจงเนื้อหาสรุปเป็นเล่ม เพื่อส่งให้ กกต. ไปแจกจ่ายประชาชนอย่างทั่วถึง ภายใน 15 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราว กำหนด และระหว่างนี้จนถึงก่อนถึงวันที่ 7 ส.ค. กรธ. ก็จะเริ่มทยอยออกไปชี้แจงรายละเอียดสำคัญให้ประชาชนทราบ เพื่อตัดสินใจลงประชามติ โดย กรธ. จะร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม และ กกต. ในการชี้แจง ทั้งนี้ ตนได้รับการประสานงานเบื้องต้นจาก กมธ.วิสามัญ พิจารณา ร่าง พ.ร.บ. การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ของ สนช. ว่า ยอมปรับให้ กรธ. สามารถเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเตรียมพร้อมการทำประชามติได้แล้ว ต่อไปนี้ร่างจริงออกมาแล้ว อย่าฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้าง หากติดขัดอะไร ให้มาถาม กรธ. เราจะช่วยอธิบายให้
จากนั้น นายมีชัย จึงเปิดให้สื่อมวลชนทำการซักถาม เริ่มจากข้อห่วงกังวลเงื่อนไขการใช้บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี นายมีชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องใหม่จะเกิดอะไรขึ้นคงเดาได้ยาก เขียนเปิดช่องไว้ แต่ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่ต้องใช้
เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยากมาก หาก ส.ว. ไม่เห็นชอบ นายมีชัย กล่าวว่า การใช้เสียงข้างมากไม่คำนึงถึงทุกภาคส่วน จะเป็นแบบคราวที่แล้ว ที่จะรบราฆ่าฟันกัน เราต้องคิดว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด หากจะแก้ไข ต้องเห็นดีเห็นงามด้วยกัน ไม่ใช่หักด้ามพร้าด้วยเข่า หากมีเหตุผลของการแก้ที่ดี วุฒิสภาก็คงเห็นดีเห็นงามด้วย
เมื่อถามถึง การให้ ส.ว. ดูแลหน้าที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม นายมีชัย กล่าวว่า ถ้าเป็นกฎหมายที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมผิดเพี้ยนไป ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 2 สภา มันอาจมีคนคิดเพื่อประโยชน์ทางการเมือง แต่ขัดความรู้สึกของประชาชน เราก็มีวุฒิสภาไว้คอยสกัดกั้น ประชาชนได้ไม่ต้องออกมา แต่หากเป็นเรื่องถูกทำนองครองธรรม วุฒิสภาเขาคงไม่ขัดข้อง ทั้งนี้ เราต้องวางใจพวกเขา
เมื่อถามว่า ทำไมต้องมี ส.ว. สรรหา 250 คน นายมีชัย กล่าวว่า เดิม คสช. ขอมาให้มี ส.ว. สรรหาเลยทั้ง 250 คน แต่ กรธ. ขอว่า 50 มาทดลองระบบใหม่ โดยให้มีการเลือกกันทั้งประเทศ เหลือ 200 คน แล้วให้ คสช. เลือกเหลือ 50 คน ส่วนอีก 200 คน ให้มีการตั้งกรรมการสรรหาคัดเลือกจากผู้สมัคร 400 คน เหลือ 194 คน และอีก 6 คน มาจากผู้นำเหล่าทัพ ซึ่งมี ส.ว. สรรหา ไว้ดูแลการปฏิรูป ให้เกิดความต่อเนื่อง และดูแลด้านกฎหมายที่จะต้องทำไปพร้อมกัน เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ และเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ส่วน ส.ว. ที่มาจากผู้เหล่าทัพ ก็ให้มาดูเรื่องความมั่นคง หากมีปัญหาอะไรสุ่มเสี่ยง ก็ให้ ส.ว. 6 คน นี้มาชี้แจงต่อที่ประชุม จะได้ไม่ต้องมีการเคลื่อนไหวนอกสภา
เมื่อถามว่า การที่มี ส.ว. สรรหาทั้งหมด อาจถูกต่างชาติมองว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย นายมีชัย กล่าวว่า ในโลกมี ส.ว. สรรหาหลายประเทศ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ เขาควรกังวลปัญหาในประเทศของเขามากกว่า
เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองกังวลว่า 6 ส.ว. สรรหา จากกองทัพ เป็นการสืบทอดอำนาจ คสช. นายมีชัย กล่าวว่า เชื่อว่า ไม่น่ากระทบต่อการลงประชามติ และคิดว่า หากอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ก็เชื่อว่า จะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี ดังนั้น อย่าไปกังวลว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้ จะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะคนเห็นต่างก็ยังเห็นต่างอยู่ดี เราจึงต้องอธิบายข้อเห็นต่างนั้นให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ เช่น ส.ว. สรรหา คือ การสืบทอดอำนาจ การเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอก
เมื่อถามถึงข้อห่วงกังวลเรื่องนายกฯคนนอก นายมีชัย กล่าวว่า สื่อให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก หากสื่อช่วยอธิบายเพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ ก็เชื่อว่า จะไม่มีปัญหา เพราะ กรธ.บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ให้เป็นมติของพรรคการเมือง ซึ่งฟการเมืองก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ กรธ.
เมื่อถาม คสช. จะมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้ง ตลอดจนการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า คิดว่า ไม่มี เพราะไม่มีใครสามารถบังคับใครได้ ขณะนี้ คสช. มีอำนาจเต็ม ก็ยังมีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ แม้ คสช. ยังคงมีอำนาจอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล แต่คงมีไม่เท่าปัจจุบัน ซึ่งผมคิดว่าเป็นไปไม่ที่จะใช้มาตรา 44 สั่งการอะไรได้ ซึ่ง คสช. จะหมดอำนาจไปเมื่อมี ครม. ชุดใหม่
เมื่อถามว่า ในหมวดปฏิรูป ไม่มีการปฏิรูปกองทัพ เป็นเพราะเกรงใจใช่หรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า กองทัพไม่เกี่ยวกับการปฏิรูป เพราะการปฏิรูปเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งกองทัพไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ..... ของ กรธ. ฉบับ ก่อนลงประชามติ มีทั้งสิ้น 279 มาตรา แบ่งเป็น 16 หมวด รวม 105 หน้า