รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต เผยสังคมสนใจเรื่องอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่านมากกว่าสาระส่วนอื่นๆ หวั่นถูกขยายผลกล่าวหาสืบทอดอำนาจล้มประชามติ ชี้กลไกพิเศษมีปัญหาความชอบธรรม อีกทั้งหมวดปฏิรูปเขียนขึ้นมาลอยๆ แนะต้องเร่งเผยแพร่จุดเด่น และกลไก
วันนี้ (27 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของการเขียนรัฐธรรมนูญ สังคมพุ่งความสนใจไปที่ประเด็นการออกแบบอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่าน และสถานการณ์พิเศษมาก จนบดบังเนื้อหารสาระสำคัญในส่วนอื่นๆ จนอาจมีความเป็นไปได้ที่ประเด็นกลไกพิเศษในช่วงเปลี่ยนผ่านจะถูกขยายความไปเป็นปัจจัยชี้ขาด และมีผลต่อการลงประชามติ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเรื่องสืบทอดอำนาจ อาจจะถูกบางกลุ่มยกเป็นประเด็นรณรงค์เพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ หรือทำให้รัฐธรรมนูญมีความชอบธรรมน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ต้องไม่ปฏิเสธว่า ส่วนที่เป็นกลไกพิเศษในร่างรัฐธรรมนูญเพื่อตอบโจทย์การเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่าน ยังมีปัญหาความชอบธรรม จนอาจกลายเป็นจุดอ่อน และปกปิดจุดแด่นของร่างรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นเป็นหน้าที่โดยตรงของกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ต้องเร่งเผยแพร่จุดเด่น และกลไกในร่างรัฐธรรมนูญที่คิดว่าตอบโจทย์การปฏิรูป และการเมืองในส่วนของพลเมืองด้วย
“ในหมวดปฏิรูปนั้นมีแค่ 5 มาตรา ยังดูเป็นนามธรรม และไม่มีผลผูกมัดจนอาจไม่ทำให้เกิดสภาพบังคับต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฏิรูปตำรวจก็เขียนไว้ลอยจนเกินไป ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมจากประชาชน หมวดปฏิรูปเป็นเรื่องใหญ่น่าจะมีรายละเอียด หรือวางกรอบในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนกว่านี้” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บอกว่า ร่างรัฐธรรมนูญตอบโจทย์ทุกฝ่าย ก็ต้องมีรูปธรรมจริงๆ โดยเฉพาะหมวด และกลไกที่เกี่ยวกับสิทธิการมีส่วนร่วม และผลประโยชน์ของประชาชนนั้น ต้องรอดูว่าท้ายที่สุดแล้ว กรธ.ปรับแก้ให้ดีขึ้นกว่าร่างเดิมหรือไม่ เพราะตนเชื่อว่ากลไกส่วนนี้จะเป็นบทชี้ขาดของการลงประชามติ เพราะในส่วนของนักการเมืองเข้าใจว่าส่วนใหญ่คงฟรีโหวต ไม่เป็นเอกภาพในการลงประชามติ เพราะอยากลงเลือกตั้งกันเต็มแก่แล้ว และหลายคนคงกลัวว่า หากประชามติไม่ผ่านอาจได้รัฐธรรมนูญฉบับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เนื้อหาเข้มข้น และรุนแรงกว่านี้ แม้แต่พรรคเพื่อไทยที่ประกาศไม่รับร่างก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็คงเป็นแค่จุดยืนทางการเมือง แต่คงไม่รณรงค์เอาจริงเอาจังอะไร