ม.รังสิต สำรวจความเห็นบทบาทพัฒนาชาติ “รบ.ประยุทธ์” เต็ม 10 ภาพรวม 6.36 อันดับหนึ่งการเมืองความมั่นคง 7.13 ศก.รองมา 6.38 คะแนน ครม. 6.19 ถือว่าการพัฒนาชาติภาพรวม รบ.อยู่ระดับกลาง “บิ๊กตู่” เป็น รมต.มีบทบาทที่สุด “ประวิตร” รองมา ชี้แก้ภัยแล้งเร่งด่วนสุด แก้ปากท้องรองมา
วันนี้ (27 มี.ค.) นายชาญชัย จิตรเหล่าอาพร ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ พร้อมด้วย นายวันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแถลงข่าวผลสำรวจความคิดของประชาชน เรื่อง บทบาทการพัฒนาประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในรอบ 1 ปี 6 เดือน ด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายวันวิชิต กล่าวว่า โดยผลสำรวจพบว่า ประชาชนมีความคิดเห็น เรื่อง บทบาทการพัฒนาประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รอบ 1 ปี 6 เดือน โดยภาพรวม ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.36 จาก 10 เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า รัฐบาลมีบทบาทพัฒนาประเทศด้านการเมืองและความมั่นคงเป็นอันดับแรก 7.13 รองลงมา ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ 6.38 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6.22 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6.03 และน้อยที่สุดคือ ด้านสังคม 5.97 ส่วนคะแนนของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ พบว่า ได้ 6.19 ถือว่าผลการพัฒนาประเทศและภาพรวมรัฐบาลนี้อยู่ในระดับกลาง
ส่วนรัฐมนตรีที่มีบทบาทมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ถึง 8.15 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 8.08 3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 8.02 4.พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ 8.00 และสุดท้ายคือ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร 7.65
นอกจากนี้ ประชาชนคิดว่าสิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบทำนับจากนี้มีทั้งสิ้น 9 ประการ เช่น การแก้ไขวิกฤตภัยแล้ง ร้อยละ 20.72 รองลงมาคือ การยกระดับคุณภาพชีวิต/แก้ไขปัญหาปากท้อง ร้อยละ 17.51 การค้า/การลงทุน ร้อยละ 15.26 และการปฏิรูปภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 13.03 ตามลำดับ และรองลงมาคือ การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง รวมถึงการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ต่อเนื่องเพื่อให้ประเทศมีทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนา เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศเกิดใหม่ที่สามารถยกระดับตนเองให้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูง อันดับต้นๆ ของโลก ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปีหลังได้รับเอกราช
อย่างไรก็ตาม การสำรวจในครั้งนี้ได้สุ่มตัวอย่างจากประชากรทั่วประเทศใน 5 ภูมิภาค ภาคละ 5 จังหวัด โดยผลสำรวจดังกล่าวไม่คิดรวมตามผลงานรัฐบาล แต่คิดตามผลงานที่ประชาชนรับทราบและเป็นที่ประจักษ์เท่านั้น โดยไม่ได้เป็นการตั้งสมมติฐานอย่างเลื่อนลอย
พร้อมทั้งยืนยันว่า การทำโพลได้ยึดหลักจรรยาบรรณ และไม่ได้มุ่งหวังเป็นปฏิปักษ์ต่อฝ่ายใด แต่เป็นเพียงการจัดทำข้อมูลทางวิชาการเพื่อใช้ในสถาบันศึกษาต่างๆ หรือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูล และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ส่วนจะเสนอนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น คิดว่านายกรัฐมนตรีคงทราบข่าวได้จากสื่อมวลชนถึงผล และความต้องการของประชาชนว่าเป็นอย่างไร
วันนี้ (27 มี.ค.) นายชาญชัย จิตรเหล่าอาพร ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ พร้อมด้วย นายวันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแถลงข่าวผลสำรวจความคิดของประชาชน เรื่อง บทบาทการพัฒนาประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในรอบ 1 ปี 6 เดือน ด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายวันวิชิต กล่าวว่า โดยผลสำรวจพบว่า ประชาชนมีความคิดเห็น เรื่อง บทบาทการพัฒนาประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รอบ 1 ปี 6 เดือน โดยภาพรวม ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.36 จาก 10 เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า รัฐบาลมีบทบาทพัฒนาประเทศด้านการเมืองและความมั่นคงเป็นอันดับแรก 7.13 รองลงมา ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ 6.38 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6.22 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6.03 และน้อยที่สุดคือ ด้านสังคม 5.97 ส่วนคะแนนของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ พบว่า ได้ 6.19 ถือว่าผลการพัฒนาประเทศและภาพรวมรัฐบาลนี้อยู่ในระดับกลาง
ส่วนรัฐมนตรีที่มีบทบาทมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ถึง 8.15 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 8.08 3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 8.02 4.พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ 8.00 และสุดท้ายคือ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร 7.65
นอกจากนี้ ประชาชนคิดว่าสิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบทำนับจากนี้มีทั้งสิ้น 9 ประการ เช่น การแก้ไขวิกฤตภัยแล้ง ร้อยละ 20.72 รองลงมาคือ การยกระดับคุณภาพชีวิต/แก้ไขปัญหาปากท้อง ร้อยละ 17.51 การค้า/การลงทุน ร้อยละ 15.26 และการปฏิรูปภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 13.03 ตามลำดับ และรองลงมาคือ การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง รวมถึงการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ต่อเนื่องเพื่อให้ประเทศมีทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนา เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศเกิดใหม่ที่สามารถยกระดับตนเองให้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูง อันดับต้นๆ ของโลก ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปีหลังได้รับเอกราช
อย่างไรก็ตาม การสำรวจในครั้งนี้ได้สุ่มตัวอย่างจากประชากรทั่วประเทศใน 5 ภูมิภาค ภาคละ 5 จังหวัด โดยผลสำรวจดังกล่าวไม่คิดรวมตามผลงานรัฐบาล แต่คิดตามผลงานที่ประชาชนรับทราบและเป็นที่ประจักษ์เท่านั้น โดยไม่ได้เป็นการตั้งสมมติฐานอย่างเลื่อนลอย
พร้อมทั้งยืนยันว่า การทำโพลได้ยึดหลักจรรยาบรรณ และไม่ได้มุ่งหวังเป็นปฏิปักษ์ต่อฝ่ายใด แต่เป็นเพียงการจัดทำข้อมูลทางวิชาการเพื่อใช้ในสถาบันศึกษาต่างๆ หรือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูล และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ส่วนจะเสนอนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น คิดว่านายกรัฐมนตรีคงทราบข่าวได้จากสื่อมวลชนถึงผล และความต้องการของประชาชนว่าเป็นอย่างไร
