“บิ๊กเจี๊ยบ” เปิดให้ รมช.ศธ.นำโค้ชทัพช้างศึกเข้าหารือ ชมสร้างชื่อเสียงให้ชาติ ถกวางเป้า 10-12 ปีไปบอลโลกทุกระดับ ต้องเริ่มจากเยาวชนที่โค้ชทีมชาติมีมูลนิธิอยู่แล้ว รบ.พร้อมหนุน “โค้ชซิโก้” แย้มยึดช็อตคัตเหมือนเยอรมนีที่ใช้เวลา 12 ปีเป็นแชมป์โลก มาถกเพื่อพัฒนาเด็กเล็งสถานที่ตรงบางบอน ย้ำ บอลไทยก้าวผ่านอาเซียน ขอช่วยกันเชียร์เจอของแข็งบ่อยๆ จะไม่กลัว
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ห้องรับรองชั้น1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการและผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย นำนายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย เข้าพบและหารือกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ตนชื่นชมทั้งสองท่านที่มาเข้าพบที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศ จากการพูดคุยมีการตั้งเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรที่จะให้อีก 10-12 ปีข้างหน้าเราจะส่งฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลกให้ได้ในทุกระดับ ดังนั้นจะต้องเริ่มตั้งแต่เยาวชน ที่นายเกียรติศักดิ์มีมูลนิธิซิโก้อยู่แล้ว มีการเริ่มหาช้างเผือกมาอยู่ร่วมกัน เรียนและกินนอนร่วมกัน อบรมบ่มนิสัยให้มีความมีวินัย ทำเป็นดรีมทีมขึ้นมาเพื่อให้เกิดความคล่องตัว และมีแผนว่าถ้า 2 ปีไปฟุตบอลโลกยังไม่ได้ 4 ปีไปไม่ได้ ก็จะเป็น 6 ปี ดังนั้นเยาวชนพวกนี้จะเป็นกำลังหลัก เป็นทีมชาติไทย
“รัฐบาลถือว่าคุณซิโก้มีความรู้ความสามารถ และถือว่าการทำมูลนิธิมีความเสียสละ อะไรที่รัฐบาลจะสนับสนุนได้ก็จะสนับสนุนให้ แต่ต้องดูกฎกติกาว่าจะช่วยได้อย่างไร การที่มูลนิธิซิโก้จะสร้างก็เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ เท่ากับเราโอนให้ท่านทำงานให้เรา แต่เราก็ต้องร่วมกัน ถือว่าเป็นประชารัฐด้วยที่ต้องมีรัฐ เอกชน ประชาชน มาร่วมกันสร้างเพื่อให้ผลประโยชน์สุดท้ายอยู่กับประเทศ” พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าว
ด้านนายเกียรติศักดิ์กล่าวว่า ฟุตบอลไทยกำลังมีศรัทธาที่ดี ที่มาหารือว่าเราจะต้องวางแผนรากฐานกันอย่างไร โดยในส่วนของสมาคมฟุตบอลกับไทยพรีเมียร์ลีกก็ว่ากันไป แต่เราจะมาทำในเชิงช็อตคัตเหมือนกับประเทศเยอรมนีที่ใช้เวลา 12 ปีในการเป็นแชมป์โลก ดังนั้นคิดว่าเราจะปลูกฝังเด็กของเราอย่างไรให้มีความรู้และเก่งเรื่องฟุตบอลด้วย ดังนั้นวันนี้จึงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรที่จะหาเด็กที่มีพรสวรรค์มาสร้างให้เป็นผลผลิตทีมชาติไทยในอนาคต
“การพัฒนาเด็กต้องทำหลายๆ ช่องทาง วันนี้ผมนำเรียนท่านรองนายกฯ ในเรื่องของการสร้างสนาม อาคารที่พักของมูลนิธิฯ ที่ตอนนี้ดูสถานที่ไว้ที่บางบอน กทม. ซึ่งมูลนิธิของผมเปิดมา 3 ปีแล้ว เพียงแต่นี่เป็นอีกโปรเจกต์หนึ่งที่ผู้ใหญ่ท่านเห็นดีเห็นงามด้วย รองนายกฯ สอบถามว่ามีใครเป็นสปอนเซอร์หรือยัง มีใครช่วยเหลือบ้าง จะให้รัฐบาลช่วยอย่างไร จะหางบประมาณจากไหน หรือถ้างบหมดแล้วจะทำอย่างไร” ซิโก้ กล่าว
นอกจากนี้ นายเกียรติศักดิ์ยังกล่าวถึงการแข่งขันของทีมชาติไทยว่า ตนต้องการผ่านอิรักในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกให้ได้เพื่อเข้าไปเป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 12 ทีมสุดท้ายเสียก่อน ถ้าเราผ่านได้เราจะเข้าไปแข่งขันในระดับเอเชีย 2 ปีติดต่อกัน คนไทยจะได้ดูบอลระดับเอเชียมากขึ้น เพราะเราก้าวจากอาเซียนมาแล้วเราจะได้เห็นการเตะกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และชาติที่เก่งๆ นั่นคือความภูมิใจ ส่วนว่าชนะได้หรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่ถือว่าเราจะก้าวไปสู่เวทีที่สูงขึ้นที่เราต้องช่วยกันเชียร์
“คนไทยต้องช่วยกันเชียร์ ไม่ว่าเราไปเตะอุ่นเครื่องกับกับเกาหลีใต้ ถามว่าเราจะสู้เขาได้ไหม จะแพ้กี่ศูนย์ คิดแบบนั้นหรือ ทำไมไม่คิดว่าเรามาเจอกับเกาหลีใต้ มันไม่ดีกว่าการไปเจอกวม หรือมัลดีฟส์ นี่คือสิ่งที่ต้องการบอกว่าเรากำลังเจอของแข็ง การที่เราจะชนะของแข็งเราต้องเจอกันบ่อยๆ ถ้าเราเจอของแข็งบ่อยๆ ต่อไปเราจะไม่กลัว ถ้าเราไม่กลัวเราจะไปต่อได้เอง” นายเกียรติศักดิ์กล่าว