ในฐานะที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของซูซูกิ สำหรับสองซุปตาร์วงการฟุตบอลไทย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุญซือใหญ่ผู้คุมทัพช้างศึก และ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะร่างเล็กฝีเท้าจัดจ้าน จึงมาร่วมแสดงความยินดีและเปิดตัวรถใหม่ที่บูธซูซูกิในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 พร้อมให้สัมภาษณ์สั้นๆ กับ “MGR Motoring” เกี่ยวกับวีรกรรมที่จัดว่าเป็นคดีเด็ดบนสองล้อคันโปรด แม้เวลาพูดคุยจะมีน้อยแต่ก็พอเก็บมาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง
“ในชีวิตประจำวันผมใช้ซูซูกิ เบิร์กแมน 200 เป็นรถสกู๊ตเตอร์ บิดอย่างเดียวขับขี่ง่าย ใช้ซื้อของในซอยแถวบ้าน มีความคล่องแคล่วและคล่องตัว ส่วนในวันนี้มาร่วมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือบิ๊กไบค์ Boulevard ประเภทครุยเซอร์ขับชิลๆ ขนาด 800 ซีซี. ก็ต้องบอกว่าไม่เบาเลยครับ ได้ลองแล้วนิดๆ หน่อยๆ (หัวเราะ) รูปร่างใหญ่แต่ก็มีความโฉบเฉี่ยว” โค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยเกริ่นนำและเล่าว่า
“รุ่นนี้ราคาไม่สูงมากนัก สามแสนกลางๆ (379,000 บาท) เดี๋ยวนี้บิ๊กไบค์จับต้องได้สะดวกขึ้นครับ แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยด้วย เพราะบ้านเราขี่กันเร็วมาก ค่อนข้างสะวี้ดสะว้าดน่ากลัวทีเดียว”
ส่วนคำถามที่ว่าเคยมีวีรกรรมเด็ดกับสองล้อบ้างหรือไม่ อดีตนักเตะผู้แจ้งเกิดในชุดดรีมทีมและเป็นเจ้าของท่ากระโดดตีลังกาฉลองหลังยิงประตูได้อันเป็นเอกลักษณ์ บอกว่า ด้วยหน้าที่และอาชีพของเขาที่ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกาย การใช้รถจักรยานยนต์จะมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย ส่วนใหญ่ใช้รถยนต์มากกว่า ดังนั้นเรื่องเล่าโลดโผนกับสองล้อจึงไม่เคยเกิดขึ้น
“ถ้าให้ผมไปสะวี้ดสะว้าด หากพลาดล้มขึ้นมามันก็เจ็บตัว เพราะเป็นเนื้อหุ้มเหล็ก เวลาขี่ทุกครั้งต้องเน้นความปลอดภัย หมวกกันน็อคต้องมี อุปกรณ์เซฟตี้ต้องครบ ด้วยอาชีพที่ผมทำอยู่มันต้องดูแลรักษาสภาพร่างกายให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะขาแข้งสำคัญที่สุด”
“การขี่มอเตอร์ไซค์ของผมไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยครับ เพราะอย่างที่บอกเราให้ความสำคัญกับร่างกาย ต้องป้องกันไว้ก่อน ขับขี่ด้วยความไม่ประมาท ส่วนถ้ารถยนต์ก็มีเฉี่ยวชนบ้าง ด้วยความเร่งรีบ รีบไปให้ถึงจุดหมาย รีบไปโน่นนี่นั่น แต่ทั้งนี้ถ้าเราขับขี่ตามกฏ มีน้ำใจให้เพื่อนร่วมทางก็คิดว่าจะช่วยลดความเสี่ยง หรือถ้าเรามีการเตรียมการที่ดีก็จะช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจมีขึ้นได้”
ขณะที่การทำทีมฟุตบอลก็เช่นกัน ซิโก้ เผยว่า ถ้ามีการเตรียมตัวที่ดีก็ไม่ต้องกังวลกับผลการแข่งขัน โดยเฉพาะรายการสำคัญรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนเอเชีย นัดต่อไปที่ต้องไปเยือนอิรักในวันที่ 24 มีนาคมปีหน้า แม้ทัพช้างศึกจะเป็นผู้นำของกลุ่มอยู่แล้ว แค่ยันเสมอก็จะการันตีการเข้ารอบต่อไปทันที แต่การเตรียมทีมให้มีความพร้อมและเต็มที่กับทุกแมตช์การแข่งขันก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้
“โอกาสเข้ารอบตอนนี้มี 95 เปอร์เซ็นต์ ถึงเสมอก็เป็นแชมป์กลุ่ม แต่เราก็ยืนยันว่าต้องการสามแต้ม หรือถ้าแพ้ก็ต้องดูว่ากลุ่มอื่นอันดับสองที่ดีที่สุดเป็นใคร ฉะนั้นถือว่าสดใสมาก โดยเป้าหมายแน่นอนว่าเราต้องพาทีมชาติไทยเข้าสู่รอบที่สามให้สำเร็จ และคว้าโอกาสไปบอลโลกในปี 2018 ซึ่งพวกเราก้าวผ่านในระดับอาเซียนได้แล้ว ขณะนี้เราเป็นที่หนึ่งในภูมิภาคและอยู่ในอันดับ 18 ของเอเชียครับ” กุญซือทีมชาติไทยกล่าวสรุปสถานการณ์ล่าสุด
ขณะเดียวกันเรื่องเล่าคดีเด็ดของนักเตะร่างเล็กอย่างเมสซี่เจ เขายอมรับตามตรงว่า ที่ผ่านมาก็เคยมีประสบการณ์ความเร็ว-แรงกับมอเตอร์ไซค์เหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ด้วยวุฒิภาวะที่โตขึ้น บวกกับเส้นทางอาชีพที่เลือก ตั้งแต่นี้ต่อไปคงไม่มีโอกาสไปทำแบบนั้นอีกแล้ว
“เคยแอบแม่ไปแว้นยกล้อกับเพื่อนๆ แข่งกันก็เคย ขี่บนถนนแถวบ้าน ยกล้งยกล้อ มีหมดแหละครับ ความเร็วก็ร้อยกว่าๆ ซึ่งมันเป็นไปตามวัย พอเริ่มโตก็รู้ว่าอันตรายและเลิกแล้ว ส่วนรถแรงๆ อย่างบิ๊กไบค์ไม่เคยขี่เลยครับ ผมว่ามันเหมาะสำหรับคนที่ชอบความเร็วมากกว่า ส่วนผมด้วยความที่ใช้ร่างกาย ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ ถ้าให้ไปลองบิดคันนี้ (ชี้ไปที่ฮายาบูสะ สองล้อที่ทำความเร็วได้มากกว่า 300 กม./ชม.) ผมไม่กล้าหรอกครับ พลาดไปตายอย่างเดียว ไม่คุ้มแน่ๆ เพราะชีวิตผมมันยังอีกไกลครับ”
อย่างไรก็ตามแม้จะเลิกแอบไปแว้นแล้ว แต่ในชีวิตประจำวัน ชนาธิปยังคงขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์บ้างเป็นบางครั้ง โดยปัจจุบันเป็นเจ้าของซูซูกิ แวน แวน ขนาด 125 ซีซี. ไม่เคยขี่ออกถนนใหญ่ เพียงแต่ใช้ซื้อของแถวบ้านเท่านั้น
“จริงๆ แม่ผมไม่ให้ขี่มอไซค์ตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะ เพราะเขากลัว ถ้าเป็นอะไรไป เรื่องใหญ่แน่ครับ ชีวิตและอาชีพของเราคงจบลงทันที ตอนนี้จึงขี่ใช้งานแค่ใกล้ๆ แต่ก็ยอมรับว่ามีความสะดวก โดยเฉพาะคนที่ทำงานในเมืองจำเป็นต้องใช้ เพราะประหยัดเวลาการเดินทางได้”
ด้วยเวลาพูดคุยที่จำกัด เราจึงขอคำนิยามสั้นๆ เกี่ยวกับการใช้รถจักรยานยนต์ ด้วยภาษาฟุตบอลในสไตล์เมสซี่เจ และนี่เป็นตอบที่เขาทิ้งท้าย ซึ่งเราเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ถ้าให้เปรียบมอเตอร์ไซค์ในความคิดผมก็คงประมาณว่า สะดวก ว่องไว สปีดต้นดี น่าจะเหมาะสมที่สุดครับ”
ทั้งนี้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เผยผลจัดอันดับทีมฟุตบอลประจำเดือนธันวาคม 2558 ผลปรากฏว่า แข้งทีมชาติไทย อันดับโลกพุ่งขึ้นจากเดิมถึง 11 ขั้น จากอันดับ 144 มาอยู่ที่ 133 ของโลก และรั้งอันดับ 18 ของเอเชีย ด้วยคะแนน 263 แต้ม
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
