คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
วงการฟุตบอลไทยคึกคักมากจากผลงานทีมชาติไทยชุดต่างๆ ที่พาเหรดกันยึดแชมป์ระดับอาเซียน แล้วกำลังขยับขึ้นเพื่อลดช่องว่างกับทีมชั้นนำระดับเอเชีย ไม่ว่าจะการคว้าอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ 2014 รวมถึงล่าสุดการที่สามารถเปิดบ้านเสมอ อิรัก 2-2 จากฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ส่งผลดีต่อฟุตบอลระดับเยาชน จากเดิมที่แทบไม่มีคนสนใจ ล่าสุดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี รอบคัดเลือก ซึ่งเพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ แม้นัดสุดท้ายจะแพ้ เกาหลีใต้ 1-2 แต่ก็มีแฟนฟุตบอลเข้าไปให้กำลังใจกันล้นหลามต่างจากแต่ก่อน และยังสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ บาห์เรน ระหว่างวันที่ 13-30 ตุลาคม 2559 ในฐานะทีมอันดับ 2 ที่มีคะแนนดีเป็นอันดับ 3
จะว่าไปแล้วผู้เล่นเยาวชนหลายคนของพลพรรค "ช้างศึก" ทำผลงานได้ดีเตะตา ไม่ว่าจะเป็น "ยิม" วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ หรือ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ และอีกหลายๆ คนก็ดูดีมีทรง และอนาคตน่าจะพัฒนาฝีเท้าให้เก่งกาจ กลายเป็นกำลังหลักของทีมชุดยู - 23 หรือชุดใหญ่ต่อไป แน่นอนว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่นักเตะเหล่านี้จะตกเป็นเป้าหมายของสโมสรใหญ่ๆ ที่หมายตาหาดาวรุ่งมาตัดต่อเสริมแต่งทีมของตนเอง
แต่เมื่อผู้เล่นเหล่านี้ล้วนมีสังกัดสโมสรแน่นอนอยู่แล้ว คนปวดใจคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้บริหารสโมสรต้นสังกัด เมื่อคนอย่าง "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง ชายผู้ได้รับฉายานี้มาเนื่องจากมีแต่ให้ แห่งแคมป์ ชลบุรี เอฟซี ที่ยอมรับตามตรงว่าไม่มีเงินมาถลุงซื้อดาวดัง ดาวเด่นจากเมืองนอก เมืองนา จึงหันกลับมาพัฒนาระบบอะคาเดมีของสโมสรโดยมี "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ตำนานผู้มีลมหายใจเข้าออกเป็นลูกฟุตบอล เพื่อสร้างนักฟุตบอลฝีเท้าดีสู่สโมสรมากว่า 20 ปี
โดย "เดอะ เซนต์" ยืนยันว่าทุกวันนี้ปวดหัวกับเหล่าบรรดาสโมสรอีแอบที่เที่ยววิ่งไล่จกเด็กจากอะคาเดมีของตน คือว่าถ้าอยากได้ให้มาคุยกันตรงๆ ผ่านสโมสร ไม่ใช่เที่ยวไปจีบนักเตะผ่านผู้ปกครอง พร้อมสัญญาให้โน่นให้นี่ ทีมนักปั้นเขาก็ท้อเหมือนกัน เพราะกว่าจะได้มาซึ่งนักกีฬาคนหนึ่งก็ต้องผ่านการสร้างทีมมาตั้งแต่เยาวัย ใช้เวลาไม่น้อยเลย แถมกว่าบ่มเพาะประสบการณ์ ฝีเท้าจนได้นักฟุตบอลฝีเท้าดีบางปีก็ไม่มีใครชั้นถึงทีมชุดใหญ่ต้องปล่อยออกไป เมื่อได้เด็กดี มีวินัย เล่นเข้าขา ปรับตัวกับการชึ้นชุดใหญ่ได้ ยังไม่ทันไร มือที่มองไม่เห็นก็จ้องจกฉกไปร่วมทีมเสียอย่างนั้น และที่สำคัญมันไม่ใช่เพิ่งมี แต่มันมีการฉกไปหลายคนแล้วด้วยสิ แบบนี้ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน
มาต่อกันที่เรื่องอนาคตของทีมชาติชุด ยู 19 ภายใต้การนำทีมของ "คุณตั้น" ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ในฐานะผู้จัดการทีม ก็เริ่มวาดแผนงานในอากาศถึงการลงสนามรอบสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย เพื่อเป้าติด 1 ใน 4 คว้าโควตาลุยฟุตบอลโลก ยู 20 ปี 2017 ที่เกาหลีใต้ ต่อทันที พร้อมเสนอแผนงานเก็บตัว 9 เดือน กับงบทำทีม 40 ล้านบาท แค่งบทำทีมก็งงกันแล้ว เงินระดับนี้มันมหาศาลมาก จนบางคนค่อนขอดว่าตกลงพี่จะไปฟุตบอลโลก หรือไปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถมยังมีประเด็นที่ว่าด้วยการเก็บตัวนานขนาดนี้ นักฟุตบอลเขาไม่ต้องรับใช้ต้นสังกัดกันเลยหรือ แม้จะอ้างว่าส่วนใหญ่ยังไม่ใช่ตัวจริงของสโมสร เนื่องจากยังอ่อนวัย แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้เล่นเหล่านี้มีสัญญากับต้นสังกัด จะทำอะไรต้องเกรงใจสโมสรด้วย ที่สำคัญมันเป็นไปไม่ได้เลย 9 เดือนนี้เหมือนขโมยเวลาสโมสรเตะฟุตบอลลีกทั้งฤดูกาลเลย
โมเดลของ "คุณตั้น" ว่ากันตามตรงดูแล้วส่วนตัวคิดว่าไม่ต่างกับทีมชาติไทยในอดีตอย่าง "ดรีมทีม" ภายใต้การดูแลของ "บิ๊กหอย" ธวัชชัย สัจจกุล วันนั้นฟุตบอลลีกของเรายังเป็นเพียงลีกรัฐวิสาหกิจ, ลีกเหล่าทัพ หรือลีกบริษัทห้างร้านเท่านั้น แตกต่างจากทุกวันนี้มาก เอาเวลามาหารือเรื่องตั้งลีกเยาวชนให้ยั่งยืนจะดีกว่า เพราะวันหนึ่งหาก "คุณตั้น" พาทีมไปฟุตบอลโลก ยู 20 แล้วเลิก หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร เชื่อเถอะว่ามันหมดแล้วจริงๆ ยุคดรีมทีม...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
วงการฟุตบอลไทยคึกคักมากจากผลงานทีมชาติไทยชุดต่างๆ ที่พาเหรดกันยึดแชมป์ระดับอาเซียน แล้วกำลังขยับขึ้นเพื่อลดช่องว่างกับทีมชั้นนำระดับเอเชีย ไม่ว่าจะการคว้าอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ 2014 รวมถึงล่าสุดการที่สามารถเปิดบ้านเสมอ อิรัก 2-2 จากฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ส่งผลดีต่อฟุตบอลระดับเยาชน จากเดิมที่แทบไม่มีคนสนใจ ล่าสุดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี รอบคัดเลือก ซึ่งเพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ แม้นัดสุดท้ายจะแพ้ เกาหลีใต้ 1-2 แต่ก็มีแฟนฟุตบอลเข้าไปให้กำลังใจกันล้นหลามต่างจากแต่ก่อน และยังสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ บาห์เรน ระหว่างวันที่ 13-30 ตุลาคม 2559 ในฐานะทีมอันดับ 2 ที่มีคะแนนดีเป็นอันดับ 3
จะว่าไปแล้วผู้เล่นเยาวชนหลายคนของพลพรรค "ช้างศึก" ทำผลงานได้ดีเตะตา ไม่ว่าจะเป็น "ยิม" วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ หรือ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ และอีกหลายๆ คนก็ดูดีมีทรง และอนาคตน่าจะพัฒนาฝีเท้าให้เก่งกาจ กลายเป็นกำลังหลักของทีมชุดยู - 23 หรือชุดใหญ่ต่อไป แน่นอนว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่นักเตะเหล่านี้จะตกเป็นเป้าหมายของสโมสรใหญ่ๆ ที่หมายตาหาดาวรุ่งมาตัดต่อเสริมแต่งทีมของตนเอง
แต่เมื่อผู้เล่นเหล่านี้ล้วนมีสังกัดสโมสรแน่นอนอยู่แล้ว คนปวดใจคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้บริหารสโมสรต้นสังกัด เมื่อคนอย่าง "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง ชายผู้ได้รับฉายานี้มาเนื่องจากมีแต่ให้ แห่งแคมป์ ชลบุรี เอฟซี ที่ยอมรับตามตรงว่าไม่มีเงินมาถลุงซื้อดาวดัง ดาวเด่นจากเมืองนอก เมืองนา จึงหันกลับมาพัฒนาระบบอะคาเดมีของสโมสรโดยมี "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ตำนานผู้มีลมหายใจเข้าออกเป็นลูกฟุตบอล เพื่อสร้างนักฟุตบอลฝีเท้าดีสู่สโมสรมากว่า 20 ปี
โดย "เดอะ เซนต์" ยืนยันว่าทุกวันนี้ปวดหัวกับเหล่าบรรดาสโมสรอีแอบที่เที่ยววิ่งไล่จกเด็กจากอะคาเดมีของตน คือว่าถ้าอยากได้ให้มาคุยกันตรงๆ ผ่านสโมสร ไม่ใช่เที่ยวไปจีบนักเตะผ่านผู้ปกครอง พร้อมสัญญาให้โน่นให้นี่ ทีมนักปั้นเขาก็ท้อเหมือนกัน เพราะกว่าจะได้มาซึ่งนักกีฬาคนหนึ่งก็ต้องผ่านการสร้างทีมมาตั้งแต่เยาวัย ใช้เวลาไม่น้อยเลย แถมกว่าบ่มเพาะประสบการณ์ ฝีเท้าจนได้นักฟุตบอลฝีเท้าดีบางปีก็ไม่มีใครชั้นถึงทีมชุดใหญ่ต้องปล่อยออกไป เมื่อได้เด็กดี มีวินัย เล่นเข้าขา ปรับตัวกับการชึ้นชุดใหญ่ได้ ยังไม่ทันไร มือที่มองไม่เห็นก็จ้องจกฉกไปร่วมทีมเสียอย่างนั้น และที่สำคัญมันไม่ใช่เพิ่งมี แต่มันมีการฉกไปหลายคนแล้วด้วยสิ แบบนี้ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน
มาต่อกันที่เรื่องอนาคตของทีมชาติชุด ยู 19 ภายใต้การนำทีมของ "คุณตั้น" ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ในฐานะผู้จัดการทีม ก็เริ่มวาดแผนงานในอากาศถึงการลงสนามรอบสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย เพื่อเป้าติด 1 ใน 4 คว้าโควตาลุยฟุตบอลโลก ยู 20 ปี 2017 ที่เกาหลีใต้ ต่อทันที พร้อมเสนอแผนงานเก็บตัว 9 เดือน กับงบทำทีม 40 ล้านบาท แค่งบทำทีมก็งงกันแล้ว เงินระดับนี้มันมหาศาลมาก จนบางคนค่อนขอดว่าตกลงพี่จะไปฟุตบอลโลก หรือไปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถมยังมีประเด็นที่ว่าด้วยการเก็บตัวนานขนาดนี้ นักฟุตบอลเขาไม่ต้องรับใช้ต้นสังกัดกันเลยหรือ แม้จะอ้างว่าส่วนใหญ่ยังไม่ใช่ตัวจริงของสโมสร เนื่องจากยังอ่อนวัย แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้เล่นเหล่านี้มีสัญญากับต้นสังกัด จะทำอะไรต้องเกรงใจสโมสรด้วย ที่สำคัญมันเป็นไปไม่ได้เลย 9 เดือนนี้เหมือนขโมยเวลาสโมสรเตะฟุตบอลลีกทั้งฤดูกาลเลย
โมเดลของ "คุณตั้น" ว่ากันตามตรงดูแล้วส่วนตัวคิดว่าไม่ต่างกับทีมชาติไทยในอดีตอย่าง "ดรีมทีม" ภายใต้การดูแลของ "บิ๊กหอย" ธวัชชัย สัจจกุล วันนั้นฟุตบอลลีกของเรายังเป็นเพียงลีกรัฐวิสาหกิจ, ลีกเหล่าทัพ หรือลีกบริษัทห้างร้านเท่านั้น แตกต่างจากทุกวันนี้มาก เอาเวลามาหารือเรื่องตั้งลีกเยาวชนให้ยั่งยืนจะดีกว่า เพราะวันหนึ่งหาก "คุณตั้น" พาทีมไปฟุตบอลโลก ยู 20 แล้วเลิก หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร เชื่อเถอะว่ามันหมดแล้วจริงๆ ยุคดรีมทีม...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *