ASTV ผู้จัดการรายวัน – อีกไม่ถึง 1 เดือน ก็จะทราบโฉมหน้า “นายใหญ่ลูกหนังไทย” วาระใหม่ แล้วว่าจะเป็นหน้าเดิมอย่าง วรวีร์ มะกูดี เจ้าของตำแหน่ง 4 สมัย หรือแคนดิเดตใหม่ ที่เปิดตัวมาแล้ว 2 ราย แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการชิงชัยเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ครั้งนี้ไร้สีสัน เนื่องจากผู้ท้าชิงยังไม่มีผลงานที่จับต้องได้ รวมถึงยังไม่มีการแถลงวิสัยทัศน์ที่ดีพอที่จะเรียกคะแนนเสียงจากสมาชิกเพื่อเปลี่ยนแปลงอำนาจเก่า
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ.2556 ถือว่าได้รับความสนใจจากประชาชนไม่น้อย เนื่องจากผู้ท้าชิงอย่าง “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ระดมทุกสรรพาวุธเข้าชิงชัย เพื่อหวังโค่นอำนาจเก่า ทั้งเดินสายโปรโมต จัดแถลงวิสัยทัศน์ ติดป้ายบิลบอร์ดแผ่นยักษ์ทั่วเมืองกรุง อีกทั้งยังได้แรงหนุนจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี สองทีมยักษ์ใหญ่เมืองไทย จนสามารถเรียกกระแสจากคนทั้งประเทศให้มาจับตา และมีลุ้นที่จะผงาดขึ้นเป็นผู้ชนะ เพราะสามารถต่อกรได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่สุดท้ายก็ไม่ถึงฝัน เป็นฝ่ายปราชัยไปด้วยคะแนน 28-42 เสียง
ผิดกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม นี้ เพราะ 2 ผู้ท้าชิงที่ประกาศตัวออกมาอย่าง ธวัชชัย สัจจกุล อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดดรีมทีม และ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 ซึ่งเป็น 1 ในอดีตสภากรรมการ สมาคมฟุตบอลฯ ยุค “บังยี 4” ยังไม่สามารถโชว์ของให้สโมสรสมาชิกฝั่งฝ่ายค้านเทใจสนับสนุนได้มากพอ ทั้งคู่มีเพียงแค่นโยบายที่ชูออกมาเป็นนามธรรมเท่านั้น โดย “บิ๊กหอย” เสนอเรื่องการเพิ่มเงินให้กับทีมในลีกรอง, ปรับปรุงระบบแข่งขันฟุตบอลถ้วย ข ค ง, วางระบบผู้ตัดสินใหม่ ทั้งค่าตอบแทน และสวัสดิการ ส่วน “บิ๊กเจี๊ยบ” ที่เปิดตัวมาแบบเงียบๆ ชูนโยบาย เน้นการทำงานที่ โปร่งใส โดยเฉพาะในเรื่องการเงิน
ซึ่งทั้งคู่ยังไม่เคยตั้งโต๊ะแถลงการณ์อย่างจริงจังให้สโมสรสมาชิกได้รับทราบ มีเพียงแค่การโฆษณาผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียเท่านั้น ขณะที่เจ้าเดิมอย่าง วรวีร์ ขึ้นเหนือล่องใต้ พบปะหาฐานเสียง จัดประชุมสโมสรสมาชิก ในแต่ละภูมิภาค จนได้มาซึ่ง 30 เสียง จาก ลีก ภูมิภาค (ดิวิชั่น2) ที่เปลี่ยนวิธีการคัดเลือกจากครั้งก่อนที่ใช้แรงกิ้ง อันดับ 1-5 ของทั้ง 6 โซน มาเป็นให้แต่ละภูมิภาคโหวตคัดตัวแทนมาโซนละ 5 ทีมแทน พร้อมจัดประชุมใหญ่พิเศษฯ โดยมีวาระสำคัญคือการลงคะแนนรับรองข้อบังคับฉบับใหม่ ที่ทางสมาคมฯแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 ก่อนจะได้มติเอกฉันท์จากสมาชิกให้ผ่านการรับรอง จำนวน 58 จาก 72 เสียง แม้ทาง “บิ๊กหอย” และสมาชิกบางส่วนจะคัดค้านเรื่องที่มาของสิทธิ์ 30 เสียง แต่สุดท้ายก็ยังไม่เป็นผล
ส่งให้หน้าตาของผู้ที่จะมีสิทธิ์โหวต ประกอบด้วย ไทย พรีเมียร์ ลีก 18 ทีม, ดิวิชั่น 1 จำนวน 18 ทีม (ยึดผลงานหลังจบวันที่ 27 กันยายน โดยทีมอันดับ 19-20 ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง), ดิวิชั่น 2 จำนวน 30 ทีม(ให้ทั้ง 6 โซน โหวตเลือกตัวแทนโซนละ 5 ทีม) และทีมแชมป์กับรองแชมป์ จากถ้วยพระราชทาน ข, ค, ง รวม 6 ทีม
ทุกอย่างจึงเหมือนเป็นไปตามหมากที่ วรวีร์ วางไว้ ยิ่งเมื่อบวกกับผลงานในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเลือก “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้ามานั่งแท่นกุนซือทีมชาติ จนผลงานประสบความสำเร็จ ฟอร์มขึ้นหม้อทุกวันนี้ หรือการหาทีมมาอุ่นเครื่องตามฟีฟาเดย์ที่เริ่มมีอย่างต่อเนื่อง เช่น สิงคโปร์ บาห์เรน แคเมอรูน และอัฟกานิสถาน ตลอดจนฟุตบอลหญิง ที่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมถึงเรื่องเงินส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่แต่ละทีมได้มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ไม่ว่าจะมองมุมไหน “บังยี” จึงยังถือไพ่เหนือกว่า 2 ผู้ท้าชิงขาดลอย
โดยทางด้าน อรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรีฯ ที่แสดงเจตนารมณ์ยู่ฝั่งตรงข้าม วรวีร์ มาโดยตลอด ยอมรับเช่นกันว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ไร้สีสัน “การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สนุก เพราะแต่ละคนพยายามใช้ข้อกฎหมายในการหาคะแนนเสียง ไม่มีใครออกมาใช้วิสัยทัศน์สู้กันอย่างที่ควรจะเป็น สำหรับ วรวีร์ ที่แม้จะมีหลายอย่างที่ยังทำไม่ถูกต้อง แต่เขาก็มีอำนาจในการบริหาร และมีผลงานบ้าง ต่างจากอีก 2 คนที่ยังไม่มีอะไรให้เห็นชัดเจน ดังนั้นถ้า วรวีร์ ขอโอกาสอีกครั้ง แล้วมีโรดแม็พ หรือสัญญาประชาคมชัดเจน ว่าในแต่ละปี ตลอด 4 ปีที่รับตำแหน่ง จะทำอะไรบ้าง หากทำไม่ได้ตามที่พูดจะขอลาออก ผมอาจจะเลือกเขาก็ได้”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา "บิ๊กหอย" ธวัชชัย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีตัวแทนเป็นผู้รับ เพื่อเรียกร้องให้ทางกระทรวงฯพิจารณาให้มติการประชุมดังกล่าวเป็นโมฆะ ซึ่งมีเหตุผลใหญ่ 2 ข้อ คือ 1. หนังสือเชิญประชุม ส่งถือสมาชิกไม่ครบ 30 วันตามกฏ และ 2.องค์ประชุมไม่ครบ
"การประชุมที่ผ่านมาถือเป็นบอร์ดเถื่อน ไม่เป็นไปตามข้อบังคับเดิมที่มี โดยเฉพาะในส่วน ดิวิชั่น 2 ที่ต้องเป็นอันดับ 1-5 ทีม ตามแรงกิ้งของแต่ละโซน แต่กลับเปลี่ยนมาใช้วิธีการคัดเลือกเอาเอง ซึ่งถือเป็นเจตนาไม่บริสุทธิ์ ทั้งนี้ตัวผมเองยังเชื่อมั่นในตัวท่านรัฐมนตรีฯว่าจะพิจารณาตามความเหมาะสม แม้ตอนนี้ผมจะไม่เชื่อในการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) แล้วก็ตาม" บิ๊กหอย กล่าว พร้ออมทิ้งท้ายว่าอีก 1-2 วันนี้จะให้ทีมทนายเดินทางไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง ให้ไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมดังกล่าวด้วยเช่นกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *