อดีต ส.ส.ปชป. ร้อง ปธ.กสทช.สอบกรณีทรูมูฟเรียกเก็บค่าคลื่นถวามถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ จากเอไอเอสเดือนละ 450 ล. ชี้ผิด กม. กสทช.ม.46 งงหลังเรื่องแดงเลิกเก็บเงินให้ใช้ฟรี แถมมติ กทค. ประทับตรารับทราบทำรัฐเสียประโยชน์ เตือนผิดอาญา พร้อมบี้ “ประยุทธ์-ไพบูลย์” เร่งเอาผิด 2 ผู้บริหาร อสมท เพิ่มเอี่ยวโกงโฆษณา “คุยคุ้ยข่าว” ก่อนคดีหมดอายุความ 3 เดือนหน้า
วันนี้ (13 มี.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขา กสทช. แถลงว่า ที่ประชุม กทค.เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ไม่ขยายมาตรการเยียวยาแต่รับทราบแนวทางที่ ทรูมูฟ เสนอให้เอไอเอสใช้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ได้อีก 3 เดือน โดยจะคิดเดือนละ 450 ล้านบาท โดยตั้งข้อสังเกตว่า พฤติการณ์ของ กทค.น่าจะส่อไปในทางที่จะดำเนินกระบวนการพิจารณาทางปกครองเพื่อออกคำสั่งทางปกครองที่มิชอบด้วยกฎหมาย และอาจผิดกฎหมายอาญาในลายประเด็นคือ 1.มติ กทค.ไม่อนุมัติขยายระยะเวลามาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการคลื่น 900 ให้เอไอเอสซึ่งเพิ่งจะได้รับการขยายเวลาเพียง 5 เดือนเศษ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เคยมีมติขยายระยะเวลาคุ้มครองผู้ใช้บริการคลื่น 1800 ของทรูถึง 2 ปีเศษ
2.ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2543 มาตรา 46 กำหนดห้ามมิให้โอนสิทธิแก่กันแต่ต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง การที่ทรูมูฟเรียกเก็บเงินจากเอไอเอสจึงเป็นข้อเสนอที่ผิดกฎหมาย และ กทค.ไม่อาจมีมติรับรองข้อเสนอดังกล่าวได้ เพราะจะเป็นมติที่ขัดต่อกฎหมายเช่นเดียวกัน และ 3.เมื่อชั่งน้ำหนักข้อเสนอของเอไอเอส ที่จะชำระเงินให้แก่รัฐโดยตรงตอบแทนการขยายระยะเวลามาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการคลื่น 900 ในช่วงคลื่นที่แจสประมูลได้ ต่อการที่เอไอเอสต้องชำระเงินให้แก่ทรู เห็นว่าประโยชน์ที่รัฐจะได้มากกว่าคือ การให้เอไอเอสชำระต่อรัฐบาลโดยตรง แต่ กทค.กลับไม่มีมติตามที่เอไอเอสเสนอ แต่กลับรับทราบกรณีข้อเสนอของทรู ทั้งที่จะทำให้รัฐเกิดความเสียหาย จึงส่อว่าจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอันอาจมีความผิดทางอาญาด้วย
ทั้งนี้ ตนได้ทำหนังสือถึง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วเมื่อวันที่ 11มีนาคมที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าพฤติการณ์ของ กทค.น่าจะเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายจึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และคุ้มครองผู้บริโภคในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบด้วย
นายวัชระ ยังได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ดำเนินคดีผู้บริหารของ อสมท เพิ่มเติมจากกรณีการทุจริตค่าโฆษณาระหว่างบริษัทไร่ส้ม กับบริษัท อสมท โดยมีการอ้างอิงถึงบทสรุปของรายงานคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสารสนเทศที่ได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ซึ่งมีความเห็นว่าควรจะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อบุคคลอีก 2 ราย ประกอบด้วย นายธนะชัย วงศ์ทองศรี รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สำนักกลยุทธ์การตลาด เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ซึ่งถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 20 ปี จากการทุจริตดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งจากรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน พบพฤติการณ์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในเรื่องนี้โดยไม่ได้กำกับดูแลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท อสมท โดยละเลยไม่ตรวจสอบคิวโฆษณาของบริษัทไร่ส้มที่โฆษณาเกินเวลาที่กำหนด
นอกจากนี้ ยังขอให้ดำเนินคดีต่อ นางเบ็ญจมาศ พนนทวงศ์ เจ้าหน้าที่ธุรกิจอาวุโส ฝ่ายกฎหมายธุรกิจ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการตรวจรับอุปกรณ์นำเข้าประสานกับนายสถานีโทรทัศน์ซึ่งไม่มีหน้าที่โดยตรงในการขายโฆษณา แต่กลับนำโฆษณาของลูกค้าที่ตัวเองเคยดูแลในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นพนักงานขายโฆษณาไปฝากนางพิชชาภา ให้ออกในรายการคุยคุ้ยข่าว เพื่อให้บริษัทนั้นได้รับส่วนลดมากกว่านำมาลงโฆษณาต่อทาง อสมท ซึ่งถือเป็นช่องทางในการจัดทำโฆษณา
“อยากให้เร่งดำเนินการเพราะคดีนี้กำลังจะหมดอายุความในอีก 3 เดือนข้างหน้า จึงฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดูแลเรื่องนี้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ” นายวัชระ กล่าว