วานนี้ (13 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 ระบุถึงการไม่ขยายมาตรการเยียวยาผู้ใช้บริการคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ แต่รับทราบแนวทางที่ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล จำกัด (ทรูมูฟ) เสนอให้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (เอไอเอส) ใช้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ อีก 3 เดือน โดยจะคิดค่าใช้บริการเดือนละ 450 ล้านบาทว่า พฤติการณ์ของ กทค.อาจผิดกฎหมายอาญาในหลายประเด็นคือ 1.มติ กทค.ไม่อนุมัติขยายระยะเวลามาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการคลื่น 900 ให้เอไอเอส ซึ่งเพิ่งจะได้รับการขยายเวลาเพียง 5 เดือนเศษ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยมีมติขยายระยะเวลาคุ้มครองผู้ใช้บริการคลื่น 1800 ของทรูมูฟถึง 2 ปีเศษ
** ซัด กทค.สองมาตรฐาน-ส่อผิดอาญา
นายวัชระ กว่าวต่อว่า 2.ตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2543 มาตรา 46 กำหนดห้ามมิให้โอนสิทธิแก่กันแต่ต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง การที่ทรูมูฟเรียกเก็บเงินจากเอไอเอสจึงเป็นข้อเสนอที่ผิดกฎหมาย และ กทค.ไม่อาจมีมติรับรองข้อเสนอดังกล่าวได้ เพราะจะเป็นมติที่ขัดต่อกฎหมายเช่นเดียวกัน และ 3.เมื่อชั่งน้ำหนักข้อเสนอของเอไอเอสที่จะชำระเงินให้แก่รัฐโดยตรงตอบแทนการขยายระยะเวลามาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการคลื่น 900 ในช่วงคลื่นที่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด (แจส) ประมูลได้ กับการที่เอไอเอสต้องชำระเงินให้แก่ทรูมูฟ เห็นว่าประโยชน์ที่รัฐจะได้มากกว่าคือการให้เอไอเอสชำระกับรัฐบาลโดยตรง แต่ กทค.กลับไม่มีมติตามที่เอไอเอสเสนอ แต่กลับรับทราบกรณีข้อเสนอของทรูมูฟ ทั้งที่จะทำให้รัฐเกิดความเสียหาย จึงส่อว่าจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอันอาจมีความผิดทางอาญาด้วย
“ผมได้ทำหนังสือถึง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วเมื่อวันที่ 11 มี.ค.59 ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าพฤติการณ์ของ กทค.น่าจะเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และคุ้มครองผู้บริโภคในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้ใช้บริการจำนวนมากได้รับผลกระทบ” นายวัชระ กล่าว
** จี้เอาผิด “ไอ้โม่ง” ร่วมโกง อสมท.
นอกจากนี้ นายวัชระ ยังได้หยิบยกรายงานของ คณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสารสนเทศ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ได้มีการตรวจสอบคดีทุจริตค่าโฆษณาระหว่าง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด กับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) (อสมท.) เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พิจารณาดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากผู้ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว โดยระบุว่า กรณีนี้ควรจะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลอีก 2 ราย ซึ่งเป็นผู้บริหารของ อสมท. รายแรกเป็น ผู้บังคับบัญชาของนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ซึ่งถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 20 ปี จากการทุจริตดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งจากรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน พบพฤติการณ์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในเรื่องนี้ โดยไม่ได้กำกับดูแลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของ อสมท. ละเลยไม่ตรวจสอบคิวโฆษณาของบริษัทไร่ส้มที่โฆษณาเกินเวลาที่กำหนด อีกรายเป็น เจ้าหน้าที่ธุรกิจอาวุโสรายหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการตรวจรับอุปกรณ์นำเข้าประสานกับนายสถานีโทรทัศน์ ซึ่งไม่มีหน้าทีโดยตรงในการขายโฆษณา แต่กลับนำโฆษณาของลูกค้าที่ตัวเองเคยดูแลในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นพนักงานขายโฆษณาไปฝากนางพิชชาภา ให้ออกในรายการ เพื่อให้บริษัทนั้นได้รับส่วนลดมากกว่านำมาลงโฆษณาในกับทาง อสมท. ซึ่งถือเป็นช่องทางในการจัดทำโฆษณา
"คดีนี้กำลังจะหมดอายุความในอีก 3 เดือนข้างหน้า จึงฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ รีบเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ทาง กมธ.ของ สนช. ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ ไปแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ" นายวัชระ กล่าว
** ซัด กทค.สองมาตรฐาน-ส่อผิดอาญา
นายวัชระ กว่าวต่อว่า 2.ตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2543 มาตรา 46 กำหนดห้ามมิให้โอนสิทธิแก่กันแต่ต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง การที่ทรูมูฟเรียกเก็บเงินจากเอไอเอสจึงเป็นข้อเสนอที่ผิดกฎหมาย และ กทค.ไม่อาจมีมติรับรองข้อเสนอดังกล่าวได้ เพราะจะเป็นมติที่ขัดต่อกฎหมายเช่นเดียวกัน และ 3.เมื่อชั่งน้ำหนักข้อเสนอของเอไอเอสที่จะชำระเงินให้แก่รัฐโดยตรงตอบแทนการขยายระยะเวลามาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการคลื่น 900 ในช่วงคลื่นที่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด (แจส) ประมูลได้ กับการที่เอไอเอสต้องชำระเงินให้แก่ทรูมูฟ เห็นว่าประโยชน์ที่รัฐจะได้มากกว่าคือการให้เอไอเอสชำระกับรัฐบาลโดยตรง แต่ กทค.กลับไม่มีมติตามที่เอไอเอสเสนอ แต่กลับรับทราบกรณีข้อเสนอของทรูมูฟ ทั้งที่จะทำให้รัฐเกิดความเสียหาย จึงส่อว่าจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอันอาจมีความผิดทางอาญาด้วย
“ผมได้ทำหนังสือถึง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วเมื่อวันที่ 11 มี.ค.59 ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าพฤติการณ์ของ กทค.น่าจะเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และคุ้มครองผู้บริโภคในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้ใช้บริการจำนวนมากได้รับผลกระทบ” นายวัชระ กล่าว
** จี้เอาผิด “ไอ้โม่ง” ร่วมโกง อสมท.
นอกจากนี้ นายวัชระ ยังได้หยิบยกรายงานของ คณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสารสนเทศ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ได้มีการตรวจสอบคดีทุจริตค่าโฆษณาระหว่าง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด กับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) (อสมท.) เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พิจารณาดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากผู้ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว โดยระบุว่า กรณีนี้ควรจะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลอีก 2 ราย ซึ่งเป็นผู้บริหารของ อสมท. รายแรกเป็น ผู้บังคับบัญชาของนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ธุรการ ซึ่งถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 20 ปี จากการทุจริตดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งจากรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน พบพฤติการณ์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในเรื่องนี้ โดยไม่ได้กำกับดูแลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของ อสมท. ละเลยไม่ตรวจสอบคิวโฆษณาของบริษัทไร่ส้มที่โฆษณาเกินเวลาที่กำหนด อีกรายเป็น เจ้าหน้าที่ธุรกิจอาวุโสรายหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการตรวจรับอุปกรณ์นำเข้าประสานกับนายสถานีโทรทัศน์ ซึ่งไม่มีหน้าทีโดยตรงในการขายโฆษณา แต่กลับนำโฆษณาของลูกค้าที่ตัวเองเคยดูแลในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นพนักงานขายโฆษณาไปฝากนางพิชชาภา ให้ออกในรายการ เพื่อให้บริษัทนั้นได้รับส่วนลดมากกว่านำมาลงโฆษณาในกับทาง อสมท. ซึ่งถือเป็นช่องทางในการจัดทำโฆษณา
"คดีนี้กำลังจะหมดอายุความในอีก 3 เดือนข้างหน้า จึงฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ รีบเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ทาง กมธ.ของ สนช. ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ ไปแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ" นายวัชระ กล่าว