xs
xsm
sm
md
lg

คสช.ยันลุยผู้มีอิทธิพลเข้มข้นแน่ใน 2 เดือนนี้ ปัดยกเลิกทำอีไอเอ โวผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยังหนุน คสช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์
คสช.ระบุช่วง 2 เดือนจากนี้ปราบผู้มีอิทธิพลเข้มข้นแน่ ส่วนทหาร ตำรวจถ้าทำตัวเหนือกฎหมายไม่เลี้ยง แนะประชาชนแจ้งเบาะแสคนมีสีเป็นมาเฟีย ยันผู้ใหญ่ใน คสช.เป็นตัวอย่างความซื่อสัตย์อยู่แล้ว โต้ “อ๋อย” มั่ว ย้ำการปฏิรูปหลายเรื่องทำเรียบร้อยแล้ว ส่วนคำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 ไม่ใช้การยกเลิกทำอีไอเอ แค่ให้จัดประมูลควบคู่ไปกับการทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ ไม่ให้ค่า “นช.แม้ว” โจมตีร่าง รธน. ชี้พูดเพื่อตัวเองและคนในตระกูล ปัด “ป๋าเปรม-บิ๊กป้อม” ขัดแย้ง ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังหนุน คสช.

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่า ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้กรอบเวลาในการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายจำนวน 16 กลุ่มมีระยะเวลา 6 เดือน ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 4 เดือน และช่วงระยะ 2 เดือนต่อจากนี้จะมีความเข้มข้น โดยมอบหมายและสั่งการลงไปผู้ปฏิบัติ ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจ และหน่วยทหารในพื้นที่รวบรวมข้อมูลร้องเรียนจากประชาชนและตรวจสอบเพื่อดำเนินการต่อผู้ที่อยู่นอกกฎหมาย โดยมีการตรวจสอบรายชื่อ พร้อมทั้งเน้นย้ำในฐานะที่เป็นข้าราชการอย่าไปทำตนเป็นคนที่อยู่เหนือกฎหมายไม่ว่าจะทหารและตำรวจ ซึ่งไม่มีการยกเว้นหรือให้อภัย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีพื้นที่สีแดงที่เป็นเป้าหมายหรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ในเวลานี้ไม่มีคำว่าพื้นที่สีแดง หากมีข้อมูลตรงไหนก็ปฏิบัติตรงนั้น การดำเนินการเป็นไปตามข้อมูลของพื้นที่ทุกจังหวัดและทั่วประเทศ พวกเหนือกฎหมายและไม่เคารพกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่จะปราบปรามเพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ไม่ถูกรังแก สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ และค้าขายได้โดยไม่มีใครเอาเปรียบ หรือเรียกหัวคิว

ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่คนที่มีอิทธิพลตัวจริงคือคนมีสี พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า หากมีเบาะแสหรือข้อมูลว่าคนเหล่านี้ละเมิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกันเหมือนบุคคลทั่วไป เมื่อถามต่อว่าการปราบผู้มีอิทธิพลครั้งนี้ หวังเรื่องทางการเมืองหรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่หวังผลให้ประชาชนใช้ชีวิตปกติสุขมากกว่า ใครก็ตามที่มาเป็นผู้บริหารประเทศต้องดำเนินการเรื่องนี้ บางช่วงอาจจะไปกระทบคนบางกลุ่ม แต่ คสช.เข้ามาดำเนินการแม้ว่าจะมีความยากแต่เราไม่จำเป็นต้องรักษาฐานเสียงของใคร และเน้นความสุขของประชาชนเป็นหลัก

ส่วนผู้ใหญ่ใน คสช.ต้องทำเป็นตัวอย่างใช่หรือไม่นั้น พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เข้ามาทำงานให้กับประเทศชาติในช่วงวิกฤตและที่สำคัญ การดำรงตนอยู่น่าจะเป็นตัวอย่าง และเป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์สุจริตที่เราสามารถดูเป็นตัวอย่างได้

พล.ต.ปิยพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ ระบุในงานเสวนาภาษาสิงห์ในหัวข้อเรื่อง “ทิศทางรัฐธรรมนูญไทยในยุคการปฏิรูป” ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่า ประเทศไทยมีหลายเรื่องที่ต้องปฏิรูป แต่ไม่มีเรื่องไหนสักเรื่องที่เห็นได้ชัดว่ามีการปฏิรูปอย่างมีทิศทางและมีอนาคตว่า เรื่องการปฏิรูปมีหลายเรื่องที่ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีอีกหลายเรื่องที่กำลังดำเนินการ ซึ่งอาจจะยังดูไม่คืบหน้า เพราะติดขัดข้อกฎหมายหรือระเบียบบางประการ แต่การแก้ไขปัญหาทาง คสช.พยายามแก้ไขด้วยการออกคำสั่งต่างๆ ซึ่งทำให้การแก้ปัญหานั้นสำเร็จไปแล้วหลายปัญหา โดยเฉพาะคําสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่มีอดีตนักการเมืองหลายคนให้ข้อคิดเห็นยังไม่ถูกต้อง คำสั่งนี้มีรายละเอียดของเนื้อหาสรุปได้ว่าในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการหรือกิจการด้านคมนาคมขนส่ง การชลประทาน การป้องกันสาธารณภัย โรงพยาบาลหรือที่อยู่อาศัย ในระหว่างที่รอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการหรือกิจการนั้นอาจเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดำเนินการโครงการหรือกิจการไปพลางก่อนได้ แต่จะลงนามผูกพันในสัญญา หรือให้สิทธิ์กับเอกชนผู้รับดำเนินการตามโครงการหรือกิจการ ไม่ได้หมายความว่าขั้นตอนการดำเนินการเพื่อเป็นการลดเวลา แต่ไม่ได้ลดขั้นตอนการปฏิบัติ ขั้นตอนบางอย่างสามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว การดำเนินการจะต้องให้มีผลรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อน ไม่ใช่ไม่มีรายงานผลหรือตัดขั้นตอนดังกล่าวไป

พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า ทำไมเราให้ความสำคัญกับนายทักษิณ ที่มีสถานะเป็นนักโทษหนีคดี และไม่ยอมรับกฎหมายไทย สิ่งที่นายทักษิณพูดเป็นการมองแต่ตนเองและตระกูลของตนเอง ไม่ได้มองประเทศชาติและประชาชนในภาพรวม

นอกจากนั้นยังทำร้ายบ้านเมืองด้วยการให้ข้อมูลบิดเบือนต่อสื่อต่างประเทศ สิ่งที่เป็นความต้องการอย่างแท้จริงและเป็นปัญหาของนายทักษิณคืออยากกลับประเทศไทย แต่ไม่อยากอยู่ภายใต้กฎหมายไทย อยากให้ประชาชนเคารพ แต่ไม่เคารพประชาชน ปัจจุบันประชาชนทราบดีว่าอะไรเป็นอะไร อย่างไรก็ตาม การเคารพกฎหมายเป็นนโยบายของคสช.ในการรักษาสภาพความสงบและสนับสนุนการบริหารงานราชการแผ่นดินของรัฐบาลและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนที่นายทักษิณแสดงความเห็นเรื่อง ส.ว.ลากตั้ง พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ในช่วงนี้ยังเป็นช่วงการปรับปรุงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่จะดำเนินการแล้วเสร็จในวันที่ 29 มี.ค.นี้ คงจะมีความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า กรธ.ที่เป็นผู้ร่างกติกาคงมองการนำพาประเทศไปสู่ความสงบร่มเย็น มั่งคั่งและยั่งยืน เป็นประชาธิปไตยและร่างรัฐธรรมนูญเพื่อระงับยับยั้งปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต เป็นการทำให้ไม่เกิดปัญหาขึ้นใหม่ในอนาคต ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรต้องรอความชัดเจนหลังวันที่ 29 มี.ค.นี้

เมื่อถามว่ามีการมองว่า คสช.พยายามจะต่อท่ออำนาจไปนั่งเก้าอี้ ส.ว.ลากตั้ง พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า สิ่งที่ คสช.มองประเด็นหลักคือการรักษาสภาพความสงบให้แก่บ้านเมืองและอำนวยให้การบริหารราชการแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวข้องมีความมั่นคง ไม่กระทบต่องานบริหารราชการแผ่นดินและเมื่อไปสู่โรดแมปมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล ต้องมีสถานะที่มั่นคงและไม่เกิดปัญหาที่จะเกิดความรุนแรงภายในข้างหน้ามากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า คสช.เห็นด้วยกับที่มาของ ส.ว.ลากตั้ง พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ตนยังไม่มีรายละเอียดต้องมีความชัดเจนหลังร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ออกมาก่อน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับผู้ใหญ่ใน คสช.มีปัญหาความขัดแย้งกัน พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า พล.อ.เปรมเป็นหลักของประเทศชาติ เป็นผู้ที่มีคุโณปการแก่บ้านเมือง เป็นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ส่วน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมก็เป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เสียสละทุกอย่าง ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ทุกคนมีบทบาทหน้าที่ต่างกัน ก็ทำงานอย่างทุ่มเทเป้าหมายคือดูแลชาติบ้านเมืองให้ฝ่าฝันวิกฤติให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวที่ออกมาเกิดจากความขัดแย้งเรื่องฝากเด็กหรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า ไม่มีในเรื่อเหล่านี้ และไม่เคยได้ยิน อีกทั้งเชื่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมีคุณธรรมสูงยิ่งในการให้ว่าไปตามทำนองคลองธรรมในการเจริญก้าวหน้าในหน่วยต่างๆ ว่าไปตามกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้องตามระบบ ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อ พล.ร.อ.พะจุณณ์นั้นก็เป็นเรื่องไปตามข้อมูลกฎหมายไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้ง

“ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทุกท่านยังสนับสนุน คสช.อย่างดีมาก และยังให้การสนับสนุนกำลังใจกับผู้บริหารบ้านเมืองทุกกระทรวง ทบวง กรม ไม่มีอะไรที่จะไม่เรียบร้อย จะเห็นได้ว่าการบริหารงานของนายกฯ อาจจะมีข้อติดขัดในเรื่องของกฎหมายที่ถูกผูกรัดมัดตรึงก็พยายามแก้ไขปัญหาข้อกฎหมาย พยายามกระตุ้นเตือนข้าราชการทุกหน่วยว่าทุกคนต้องเสียสละ ในการช่วยกันนำพาประเทศในช่วงนี้ ขอให้มั่นใจว่าในสถานการณ์ขณะนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทะเลาะกันไม่ได้หรอก”


กำลังโหลดความคิดเห็น