เมืองไทย 360 องศา
ต้องเรียกว่าน่าจับตามองทีเดียวสำหรับบทบาทใหม่ของ วัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร และแม้ว่าหลังจากนั้นจะไร้บทบาทไปพักใหญ่จนเงียบหายไป แต่ในระยะหลังกลับแสดงตัวให้เห็นว่าเขา “กลับมาแล้ว” โดยเฉพาะภาพที่พยายามแสดงให้สังคมทั่วไปได้เห็นว่าเขาเป็น “คนวงใน” สำหรับครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร สามารถเข้านอกออกในได้ตลอดเวลา หากจำกันได้ในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขาก็มีบทบาททำตัวเป็น “นักประสานสิบทิศ” เดินเข้าออกพรรคการเมืองพรรคโน้นพรรคนี้ พร้อมกับการเจรจากับตัวแทนกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อเจรจาต่อรอง อ้างว่าเพื่อการปรองดองในบ้านเมือง แต่เมื่อไม่มีใครเล่นด้วย หรืออาจรู้ทันว่าเป็นแค่เกมตบตา รวมไปถึงอาจรู้ทันว่าคนที่ไปเจรจาไม่มีราคาค่างวดอะไร ทุกอย่างก็ล้มเหลวตามเคย
แต่นั่นเราก็ได้เห็นบทบาทของ วัฒนา เมืองสุข ที่โผล่หน้าออกมาทำตัวเป็นกลไก เป็นนักเจรจาต่อรองสร้างภาพใน “เชิงลึก” กันในแบบเป็นระดับ “มันสมอง” ไม่ธรรมดา และที่ผ่านมาก็มีความเคลื่อนไหวในแบบเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลง มีการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา เขาก็หายหน้าไปพักหนึ่ง แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆ เพราะหลังจากนั้นไม่นานนักเขาก็โผล่มาอีก คราวนี้มาในบทบาทใหม่ที่ดูแล้วผิดไปจากเดิมที่เคยเป็น เพราะจากเดิมในแบบที่นิ่มๆ นักเจรจา แต่คราวนี้มาในแบบ “กร้าว” นั่นคือ “ชนดะ” และเป้าหมายก็จะพุ่งไปที่ “ตัวหลัก” โดยเฉพาะระดับหัวขบวนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และผู้นำรัฐบาล คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหลัก และมักวิจารณ์การทำงานอย่างรุนแรง และอย่าได้แปลกใจที่ทำให้ วัฒนา เมืองสุข ต้องถูกเจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวไปปรับทัศนคติมาแล้วหลายครั้ง
ล่าสุดเมื่อตอนเช้าวันที่ 2 มีนาคม ก็เจ้าหน้าที่ทหารนับสิบคนบุกเข้าไปที่บ้านพักของเขาในย่านประเวศ และนำตัวไปสอบปากคำในค่ายทหารอีกรอบ ซึ่งทางฝ่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติเขาจะใช้คำว่า “ปรับทัศนคติ” หลังจากก่อนหน้านี้ วัฒนา เมืองสุข ไปวิจารณ์ผู้นำ คสช.และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างรุนแรง กล่าวหาว่าในทำนองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิชาวบ้านและมีเจตนารักษาอำนาจอะไรประมาณนี้
ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซึ่งถือว่าเป็น “พี่ใหญ่” ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกมาตอบโต้สาเหตุที่ต้องเชิญตัวไปปรับทัศนคติอีกรอบเป็นเพราะมีการพูดบิดเบือนทำให้เสียหาย แต่ที่น่าจับตาก็คือคราวนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะถูกคุมตัวนานกี่วันเพราะยังไม่มีใครพูดออกมาให้ทราบ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันและตั้งข้อสังเกตกันก็คืออะไรคือ “เหตุจูงใจ” ที่ทำให้คนอย่าง วัฒนา เมืองสุข ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ นั่นคือเปลี่ยนจากคนที่เคยนุ่มนิ่มมาเป็นแบบแข็งกร้าว ไล่ชนดะแบบ “เสี่ยงๆ” แบบนี้ได้ไง หากบอกว่าลักษณะลีลาแบบนี้หากเป็นพวก จาตุรนต์ ฉายแสง หรือ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาได้ยินได้ฟังมาจนชินกันแล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้มันก็ชวนสงสัย เพราะคนอย่างเขาทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งไม่แคร์สังคม เพราะวัฒนา คนเดียวกันนี่แหละที่ออกมาแสดงออกอย่างชัดเจนให้การสนับสนุน สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดังทางช่อง 3 ให้ทำหน้าที่ตามปกติต่อไป อ้างว่าคดีที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 13 ปี 4 เดือนจากการโกงค่าโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) คดียังไม่ถึงที่สุดยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นการพูดที่ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องจริยธรรม จิตสำนึกแต่อย่างใด แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทำไมเขาต้องออกมาพูดเรื่องนี้ ทั้งที่จะเงียบก็ได้ไม่มีใครว่า ทำไมต้องออกมาเพราะย่อมรู้ว่าต้องมีคนอีกไม่น้อยที่เขารับไม่ได้กับมาตรฐานทางจริยธรรมที่ต่ำดังกล่าว
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันถึงผลในวันหน้าก็ย่อมมองเห็นชัดเจนว่านี่คือการ “ตกเบ็ด” ต้องการผูกมิตรเพื่อหวังผลกันในวันหน้าในแบบไม่ทิ้งกันในยามยาก และที่สำคัญคนที่เขาออกมาเห็นใจนั้นยังเป็นสื่อและ “เลือกข้าง” มานาน แบบนี้ก็ถือว่าได้ใจและคิดค่าคุ้มค่าสำหรับเขาแล้ว
แต่หากพิจารณากันอีกมุมหนึ่ง ในแบบที่ว่านี่คือการแสดงบทบาท “ให้เข้าตานายใหญ่” อย่าง ทักษิณ ชินวัตร หรือนี่คือการ “อาสา” รับบทชนกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อหวังผลในอนาคตข้างหน้าในช่วงหลังเลือกตั้ง เพื่อแลกกับตำแหน่งสำคัญในวันหน้า ซึ่งเขาคิดว่ามันน่าจะ “คุ้มค่า” หากพิจารณาจากประวัติของหลายคนก่อนหน้านี้ ที่หากทำให้นายใหญ่พอใจ หรือมีความสำคัญพอก็ย่อมได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะตำแหน่งทางการเมืองที่รออยู่
และเมื่อพิจารณาว่าในทางการเมืองและในแง่ผลประโยชน์ที่ต้องมีการแข่งขันกันข้างในพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเดินมาถึงจุดสำคัญที่กำลังจะมีการกำหนดชื่อกันออกมาแล้ว รับรองว่าด้วยบทบาทที่ “ยอมเสี่ยง” แบบนี้ ชื่อของ วัฒนา เมืองสุข ก็น่าจะทำให้นายใหญ่จดจำได้ไม่มากก็น้อยแหละ!!