“อภิสิทธิ์” คาด 2 ปัจจัย ทั้งคดีคนในตระกูล “ชินวัตร” งวดเต็มที่ และกำลังจะทำประชามติร่าง รธน. “นช.แม้ว” จึงออกมาพล่ามสื่อเทศป่วนรัฐบาล ระบุปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถือ คสช.ล้มเหลวในการสร้างความปรองดอง เว้นแต่ไปสมยอม ทำตามความต้องการของนักโทษหนีคดีจะถือเป็นความล้มเหลว บ้านเมืองไม่สงบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ว่า ตนไม่แน่ใจว่ามีวัตถุประสงค์คืออะไร แต่คิดว่ามีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เลือกจังหวะที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น คือ 1. คดีความที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในครอบครัวกำลังเดินหน้างวดเข้ามามากขึ้น จึงเป็นแรงกดดันให้นายทักษิณออกมาตอบโต้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงความมั่นใจว่าจะกลับมาโดยไม่จำเป็นจะต้องมารับโทษ และ 2. ร่างรัฐธรรมนูญ และการลงประชามติกำลังจะมาถึง และค่อนข้างเห็นชัดว่ากลุ่ม นปช. หรือผู้สนับสนุนตนเองได้เลือกที่จะไม่เอาโดยไม่รอแล้วว่าจะมีการแก้หรือไม่ เหมือนเป็นการฟันธงการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งนายทักษิณก็ต้องอาศัยสื่อต่างประเทศที่อยู่ใกล้ตัว และไกลประเทศไทย เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหว ขณะที่โลกตะวันตกก็ไม่ชอบการรัฐประหารอยู่แล้วก็อาจจะได้รับเสียงสนับสนุนบ้าง
“ผมไม่มองว่านี่คือความล้มเหลวของ คสช.ในการสร้างความปรองดอง หากบอกว่าคุณทักษิณไม่ห่วงเรื่องคดีเลยเพราะว่าเกิดการฮั้วกัน ตรงนี้น่าจะเป็นความล้มเหลวมากกว่า เพราะความคาดหวังที่มีต่อคนที่มารับผิดชอบบ้านเมืองคือสามารถทำให้บ้านเมือง และกฎหมายนั้นเดินได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นผมคิดว่าที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกไม่ต้องตอบโต้ พูดถึงเรื่องกฎหมาย แล้วก็ย้ำว่ากฎหมายจะต้องมีการบังคับใช้นั้น เป็นการยืนยันให้เกิดความมั่นใจว่า คสช. ไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีจุดยืนตรงนี้”
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง หาก คสช.ทำงานเสร็จ และมีการปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง การเผชิญหน้า โดยไปเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คสช. ก็จะถูกมองว่าไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสภาพปัญหาเดิมๆ หรือหากต่างประเทศยังไม่เข้าใจว่าไทยเข้าสู่ขั้นต่อไปของโร้ดแมปและกำลังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรือหากสื่อต่างชาติยังบอกว่าไทยยังมีความไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ชอบธรรม คุณทักษิณยังกลายเป็นตัวแทนของระบอบประชาธิปไตยสำหรับสื่อต่างประเทศ เหล่านี้ก็ถือเป็นความล้มเหลว
ส่วนความเคลื่อนไหวจะมีผลมากแค่ไหนคงตอบยาก เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้มีข้อจำกัดของทุกๆ ฝ่ายในการที่จะเคลื่อนไหวบางส่วนที่สนับสนุนนายทักษิณก็อาจจะยังสับสนว่าตกลงจะแกล้งตายหรือจะทำอย่างไร
“เรื่องนี้เวลาจะเป็นตัวบ่งบอกโดยเฉพาะถ้ามีการพยายามที่จะระดมคนมากดดันเรื่องคดีความ แสดงว่ายังเป็นปัญหาอยู่ว่าเรายังไม่สามารถทำให้คนกลุ่มหนึ่งยอมรับการทำงานของกระบวนการยุติธรรมได้ แต่ผมยืนยันว่าหากจะเจรจากันเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเอาตัวเองอยู่เหนือกฎหมายไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าพูดคุยเรื่องของอนาคตของประเทศ คงไม่ใช่เรื่องที่ใครจะตั้งตัวขึ้นมาให้พูดคุยกัน หากมีการยินยอมตามความต้องการของนายทักษิณ ผมบอกได้เลยว่าบ้านเมืองไม่มีทางสงบ เพราะเห็นมาแล้วจากปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้น”
