ที่ประชุม สปท.พิจารณารายงาน กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านบริหารราชการแผ่นดินว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ และร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ยันกรรมการฯ 25 คนไม่ได้ตั้งมาลอยๆ มีหน้าที่ทำยุทธศาสตร์ฉบับแรกส่งรัฐสภา จัดตั้งสำนักงานฯ ยันวาระ 8 ปี มีกึ่งหนึ่งต้องโดนจับสลากออกก่อน ลั่นไม่มีบทลงโทษแค่เอกซเรย์ “คำนูณ” การันตี ไม่ได้เป็นอำนาจอธิปไตยเพิ่มไม่แฝง คปป.แต่ติงชุดแรกควรอยู่แค่จนมีรัฐบาลใหม่ ก่อนเห็นชอบด้วย 164 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 4
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น. การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีวาระพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องการจัดทำ การกำหนด และการขับเคลื่อนกฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ และร่างพระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ... ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว
โดย พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธาน กมธ.ชี้แจงว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่วางไว้สามารถแก้ได้ เพราะเป็นแผนการพัฒนาเพื่อให้รัฐบาลทุกสมัยรับช่วงต่อ ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจำนวน 25 คนนั้น ไม่ได้ตั้งขึ้นมาลอยๆ เพราะประกอบไปด้วย นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.) และบุคคลที่ สนช.สรรหาและคัดเลือกให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 22 คน เป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรก เพื่อเสนอต่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบและใช้บังคับ กำหนดให้คณะรัฐมนตรี และมีคณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์ชาติ จำนวน 29 คน รวมทั้งดำเนินการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมยุทธศาสตร์ชาติภายใน 90 วันนับแต่ร่าง พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ ส่วนวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี แต่ก็ไม่ได้ดำรงอยู่ตลอดไป เพราะเมื่ออยู่ครบ 4 ปีต้องจับฉลากออกกึ่งหนึ่งเพื่อไปสรรหาใหม่จาก 7 กลุ่ม เช่น หัวหน้าจากส่วนราชการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ กลุ่มภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคประชาชน ซึ่งไม่ใช่มีแต่เจ้าหน้าที่ทหารอย่างที่เข้าใจกัน
ทั้งนี้ สมาชิก สปท.อภิปรายแสดงความเห็นกว้างขวาง อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน อภิปรายว่า ในฐานะที่เคยเป็นอดีต กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันได้ว่ายุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่อำนาจอธิปไตย 4 หรือ 5 แต่เป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งของรัฐ เพราะไม่ได้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต้องผ่านสภาฯ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้แฝงอำนาจของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดอง (คปป.) เพราะ 1. กรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีอายุตลอดไปตราบเท่าที่ พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติยังใช้บังคับอยู่ แต่ คปป.กำหนดอายุอยู่ชั่วคราวเพียง 5 ปีแล้วสิ้นสภาพไปตามรัฐธรรมนูญ อาจต่ออายุได้เพียงครั้งเดียวไม่เกิน 5 ปีโดยต้องมีมติรัฐสภาหรือผลการลงประชามติ 2. คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีหน้าที่จัดทำและทบทวนปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติที่ใช้บังคับระยะยาว แต่ คปป.มีหน้าที่เฉพาะในการเป็นกลไกขับเคลื่อนการปฏิรูปและสร้างความปรองดองเฉพาะหน้าเท่านั้น 3.คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่มีผู้บัญชาการเหล่าทัพที่อยู่ในราชการมาเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง มีเพียงเป็นกรรมการสรรหาคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพียง 3 ใน 25 คน และมีเสนาธิการทหารเพียง 1 คนเป็นกรรมการบริหารโดยตำแหน่ง แต่คปป.มีผู้บัญชาการเหล่าทัพที่อยู่ในราชการเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และ 4. คปป.สามารถใช้อำนาจแทน ครม.และรัฐสภาในยามวิกฤตร้ายแรงได้ ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่มีอำนาจเช่นนั้น ทั้งนี้เห็นว่าอายุของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่ควรอยู่ครบ 4-8 ปี แต่ให้อยู่จนถึงมีรัฐบาลใหม่ หลังจากนั้นก็สรรหาใหม่
พ.ต.ต.ยงยุทธชี้แจงว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติไม่มีอำนาจลงโทษโดยตรง เป็นเพียงเครื่องเอกซเรย์เท่านั้น เราไม่ใช่ผู้ผ่าตัด แต่ถ้าพบว่ามีการกระทำการที่ไม่ถูกต้องก็จะส่งเรื่องไปยังช่องที่กำหนด ทั้งนี้มีคนพูดว่า ถ้าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเกิดในยุคที่มีโครงการจำนำข้าวก็อาจจะไม่เกิดความเสียหายมากขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติเห็นชอบต่อรายงานและร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ด้วยคะแนน 164 ต่อ 6 งดออกเสียง 4 โดย กมธ.จะนำข้อคิดเห็นของสมาชิกไปปรับปรุงก่อนส่งให้ประธาน สปท. และครม. เพื่อดำเนินการต่อไป