นายกรัฐมนตรีให้การต้อนรับเลขาธิการ สมช.รัสเซีย เผยความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียดีขึ้น เตรียมเยือนประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-รัสเซียครบรอบ 20 ปีอย่างเป็นทางการ พ.ค.นี้ เห็นพ้องเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซีย พร้อมเชิญ “ปูติน” เยือนไทยปีหน้า ครบรอบ 120 ปีของการเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายนิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายหลังการหารือ พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ คือ นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับการเดินทางมาเยือนประเทศไทยครั้งแรกของนายนิโคไล พร้อมกับการนำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของรัสเซียมาเพื่อเข้าร่วมการประชุมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ อันแสดงถึงความต้องการของรัสเซียในการส่งเสริมความร่วมมือด้านมั่นคงกับไทยให้แน่นแฟ้นเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี สองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-รัสเซียมีพลวัตมากขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายหลังการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรี ดมีตรี เมดเวเดฟ เมื่อเดือน เม.ย. 2558 ได้มีการผลักดันให้เกิดการดำเนินการจนเกิดผลเป็นรูปธรรมหลายด้านทั้ง ความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม
โดยในช่วงที่รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-รัสเซียครบรอบ 20 ปี (ASEAN-Russia Commemorative Summit) ในเดือน พ.ค. 2559 นายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้เยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ ตามที่คำเชิญของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เดินทางไปเยือนรัสเซีย เพื่อปูทางและผลักดันให้ความร่วมมือทวิภาคีในทุกมิติ ให้มีผลเป็นรูปธรรม ทั้งความร่วมมือที่มีอยู่เดิมและการแสวงหาความร่วมมือรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ในด้านการเกษตร การประมงและสินค้าทะเล พลังงาน ฯลฯ โดยที่ไทยจะเร่งสานความร่วมมือด้านต่างๆ และความตกลงที่ยังคั่งค้างกับหน่วยงานต่างๆ ของไทยให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อวางพื้นฐานให้กับความสัมพันธ์ในอนาคต ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการจัดทำแผนความร่วมมือระหว่างสองประเทศในระยะยาว ที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของไทย ซึ่งฝ่ายรัสเซียมีความสนใจและเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศด้วย
ด้านความมั่นคง ปัจจุบันความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงของสองประเทศเป็นไปในทิศทางบวก มีกลไกความร่วมมือผ่านคณะทำงานว่าด้วยความร่วมด้านความมั่นคง (JWG-SC) ที่มีการหารือกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยที่ฝ่ายรัสเซียต้องการที่จะกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีด้านความมั่นคงกับไทยให้ใกล้ชิดกว่าเดิม และกล่าวว่ารัสเซียให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยอย่างสูง ในส่วนของไทยนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เหตุการณ์การก่อการร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านภัยคุกคามข้ามชาติอย่างจริงจัง และเห็นพ้องที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัสเซียในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมไปถึงการต่อต้านการค้ามนุษย์ ยาเสพติด การอพยพย้ายถิ่น และอาชญากรรมโลกไซเบอร์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า รากเหง้าของปัญหาเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคมและปัญหาความยากจน จึงควรร่วมกันหามาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วย
นอกจากนี้ ไทยยังสนับสนุนบทบาทอันต่อเนื่องของรัสเซียในด้านการต่อต้านการก่อการร้ายทั้งในระดับโลก และระดับภูมิภาค และสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ เทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากรในด้านความมั่นคง ซึ่งรัสเซียเองมีความชำนาญ
ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีให้ความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยและสวยงาม พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลนักท่องเที่ยวทุกชาติอย่างใกล้ชิด โดยสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันให้มีการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จะเดินทางมาประเทศไทย สำหรับการจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการทหาร นายกรัฐมนตรียินดีที่กระทรวงกลาโหมไทย-กระทรวงกลาโหมรัสเซียมีแผนการที่จะลงนามฉบับดังกล่าว ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้านความร่วมมือในกรอบอาเซียน-รัสเซีย ไทยหวังว่ารัสเซียจะยังคงดำเนินบทบาทอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับอาเซียนภายใต้กรอบความร่วมมือในภูมิภาค รวมทั้งสนับสนุนโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง
นอกจากนี้ ในโอกาสที่ไทย-รัสเซีย ครบรอบ 120 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2560 ด้วย ในปีดังกล่าวนอกจากจะเป็นปีที่ไทยและรัสเซียครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว ยังเป็นปีที่เป็นวาระครบรอบ 120 ปี ของการเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับจักรพรรดิซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งช่วยปูพื้นฐานสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระดับประชาชนด้วย