แกนนำ นปช. ระบุ รองนายกฯ เอาแต่ได้ แก้รัฐธรรมนูญถูกคว่ำประชามติมาใช้ ประชดไม่ต้องตั้งคูหาให้เปลืองงบ ใช้มาตรา 44 เอาที่สบายใจไปเลย ย้ำ ข้อเสนอปัดฝุ่นรัฐธรรมนูญปี 40 เท่านั้น
วันนี้ (10 ก.พ.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประกาศว่า หากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำด้วยคะแนนเสียงที่ห่างกันไม่มาก จะนำร่างเดิมมาปรับแก้แล้วประกาศใช้เลย เพราะถือว่ามีคนจำนวนมากเห็นด้วยนั้น ทำให้การทำประชามติมีความหมายเพียงการแสดงคั่นเวลา เพราะรัฐบาลตัดสินใจตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะบังคับใช้เนื้อหาส่วนใหญ่ของรัฐธรรมนูญนี้ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ไม่ว่าจะด้วยคะแนนเสียงอย่างไร ถือว่ากระบวนการอำนาจทั้งหมดในการร่างและขับเคลื่อนให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญของรัฐบาลถูกปฏิเสธโดยคนส่วนใหญ่ จึงไม่มีความชอบธรรมใดให้นำร่างเดิมมาใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วยัดเยียดให้ประชาชนอีก
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เมื่อรวมกับร่างฉบับนายบวรศักดิ์ ซึ่งถูกตีตกก่อนถึงมือประชาชน สิ่งที่คณะเนติบริกรควรทำ คือ การพิจารณาตัวเองและยอมรับว่าประชาชนเขาจับได้ไล่ทัน วันนี้ไม่เหมือนวันเวลาในอดีตที่จะใช้ชื่อเสียง และภาพลักษณ์ภายนอกบดบังความจริง ว่า การร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปตามใบสั่งของผู้มีอำนาจ ถ้าเอาตรรกะของนายวิษณุมาจับ ยังต้องตอบคำถามด้วยว่า หากประชามติผ่านแบบสูสีต้องเอาร่างนี้ไปปรับแก้ตามข้อเรียกร้องของฝ่ายไม่รับแล้วค่อยบังคับใช้ด้วยหรือไม่ ถ้าคิดเอาแต่จะได้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณหลายพันล้านบาทมาทำประชามติ นายวิษณุควรเสนอให้นายกฯ ใช้มาตรา 44 บังคับใช้ไปเลย
“ผมขอยืนยันข้อเสนอเดิม คือ หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เพื่อจัดการเลือกตั้ง แล้วให้รัฐบาลเลือกตั้งจัดเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วทำประชามติในกรอบเวลา 1 ปี จากนั้นก็ยุบสภา จัดการเลือกตั้งตามกติกาใหม่ ทั้งนี้ นัยเรื่องคะแนนที่น่าคิด คือ ถ้าคะแนนฝ่ายคว่ำชนะขาดลอย รัฐบาลจะรักษาอำนาจในสถานการณ์เช่นนั้นอย่างไร” นายณัฐวุฒิ กล่าว