“ประยุทธ์” พร้อมคณะ ลงตรวจราชการที่ชัยนาท รับฟังผู้ว่าฯแจงแก้ปัญหาอุทกภัย ก่อนปราศรัยแนะ ปชช. ปลูกพืชตามโซนนิง เผย รบ. มีข้อมูล แต่ ปชช. ไม่ร่วมมือก็ไม่มีประโยชน์ แจงไม่ได้เอากฎหมายไปสู้กับใคร หลังถูกกล่าวหาละเมิดสิทธิจับกุม นศ. ย้อนต้องถามกลับไปละเมิดก่อนหรือเปล่า ขออย่าคล้อยตามสื่อ
วันนี้ (22 ม.ค.) เวลา 16.10 น.ที่ อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาถ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางตรวจราชการ และติดตามงานโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ในพื้นที่ อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท อย่างบูรณาการ โดย นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท และส่วนราชการต่าง ๆ รอต้อนรับ และนำชมนิทรรศการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและการแสดงสินค้าโอทอปต่าง ๆ และชมการแสดงจากนักเรียนโรงเรียนวัดศรีสโมสร อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท ที่ร้องเพลง “เพราะเธอคือประเทศไทย” ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ร้องเพลงคลอตาม และชวนให้ผู้ที่ร่วมงานร่วมร้องเพลงด้วย
จากนั้นนายคณิตได้กล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ชัยนาทมีพื้นที่ 1,543,591 ไร่ แบ่งเป็น 8 อำเภอ มีพื้นที่เกษตรกรรม ร้อยละ 82 มีแหล่งน้ำสำคัญคือแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำน้อย โดยมีเขื่อนเจ้าพระยาทำหน้าที่ทดน้ำเข้าสู่ระบบชลประทาน อย่างไรก็ตาม ในส่วนอำเภอหนองมะโมง อำเภอเนินขาม และอำเภอหันคา เป็นพื้นที่ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน และอยู่นอกเขตชลประทาน จึงทำให้ประสบปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งอยู่เสมอ
ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น จึงขออนุมัติโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำบ้านหนองดู่ ต.หนองมะโมง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท มีพื้นที่ 533 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่นากว้าง ดินลูกรัง และพื้นที่รกร้าง เสื่อมโทรม รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมซ้ำซาก จึงเลือกใช้พื้นที่ส่วนนี้ในการขุดสระประมาณ 200 ไร่ มีความจุ 8 แสนลูกบาศก์เมตร โดยขุดสระลึก 3.5 - 4 เมตร แต่ในปัจจุบันสามารถจุน้ำได้ 4 แสนลูกกบาศก์เมตร เนื่องจากอยู่ในช่วงน้ำแล้ง นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 58 - 59 จะดำเนินโครงการอีก 21 โครงการ งบประมาณ 280 ล้านบาท โดยเป็นการขุดลอกคลอง สร้างฝายกักเก็บน้ำ และขุดสระขนาดเล็ก โดยประชาชนบริจาคพื้นที่จำนวน 149 บ่อ โดยประโยชน์ที่จะได้รับ คือ ลดปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค และทำระบบประปาขนาดใหญ่ โดยมีประชาชนได้รับประโยชน์ 8,312 ไร่ มีประชาชนได้ประโยชน์ 900 ครัวเรือน และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และสถานที่พักผ่อน ทั้งนี้ คาดว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป
จากนั้นเวลา 17.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปราศรัยกับประชาชนที่มารอต้อนรับ ตอนหนึ่งว่า เป็นครั้งแรกที่ได้พบปะประชาชนชาวชัยนาท มีความสุขที่เห็นรอยยิ้ม พื้นที่ไหนมีน้ำ มีพืชผัก ถือเป็นความสุขของคนในชาติ เราต้องจะทำให้น้ำเพิ่มเติมให้ได้ ประเด็นสำคัญ คือ ต้นน้ำ ตนและคณะทุกคนเอากำลังใจเกินร้อย ไม่ต้องการอะไร แต่เอากำลังใจมาฝาก และตนจะทำช่วงเวลาที่มีอยู่ให้ดีที่สุด และต้องทำให้คนทั้งประเทศ ไม่ได้ทำให้คนใดคนหนึ่ง และขอให้ทุกคนคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนอ่อนแอกว่าลืมตาอ้างปากได้ ขอให้เกียรติกัน ช่วยเหลือกัน ประเทศไทยมี 76 จังหวัด ต้องรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ แม้ตนเป็นรัฐบาลที่มาจากอะไรก็ตาม ก็มีการทำงาน ติดตาม ในจังหวัดต่าง ๆ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งเรื่องสระน้ำในหนองมะโมงเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ทำอย่างไรให้คนชัยนาทมีน้ำใช้ ซึ่งการบริหารจัดการน้ำต้องมาจากน้ำต้นทุน โดยทุกคนต้องรู้ว่ามีน้ำจากที่ไหน ไปที่ไหนบ้าง ปลูกอะไรใช้น้ำมากหรือน้อย ต้องแข็งแรงเป็นภูมิภาค โดยต้องสร้างความเจริญจากภายในตั้งแต่หมู่บ้านต้องแข็งแรงก่อนจากชุมชนไปจังหวัด ต้องรู้สาเหตุปัญหา วิธีการแก้ปัญหา และไปสู่ความสำเร็จ ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ต้องทำให้ทุกอย่างดีขึ้น จากท้องถิ่นด้วยความร่วมมือทุกคน ทุกส่วนต้องร่วมมือกัน ให้เข้มแข็งขึ้นในพื้นที่ วันนี้ประเทศเดินไปไม่ได้ เพราะความไม่เข้าใจ ติดกับดักตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ ขัดแย้ง สถานการณ์การเมืองและเรื่องอื่น ๆ ทั้งหมด และเป็นปัญหาของทุกคนไม่ใช่ของตัวเองคนเดียว รวมทั้งประชาคมโลกก็มีปัญหาเช่นกัน ซึ่งเราต้องมองรอบตัวด้วย ไม่ใช่เอาแต่ดีใจที่ผลผลิตได้ราคาดี ตนไม่อยากให้อยู่กับภาพลวงตา แต่ถ้ามีความสุข ก็ไม่ว่า ตนอยากให้มีอนาคตให้ลูกหลาน มีรายได้ มีเกียรติยศ อย่าให้ยากจนเหมือนเรา ตนขอเวลาในการปฎิรูปซึ่งตนมีเวลาถึงเดือน ก.ค. ปี 60 ก่อนเลือกตั้ง ทุกคนที่อยากเลือกกตั้งก็รอไปก่อน แต่ะที่สำคัญตนอยากให้เป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล เพราะต้องบริหารแผ่นดิน ดูแลคนทั้ง 70 ล้านคน พื้นที่ 5 แสนตารางกิโลเมตร ไม่ใช่ดูแลรายจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ทุกคนยากดีมีจน ให้มีความเท่าเทียม อยู่อย่างมีเสรีภาพ ไม่ได้เอากฎหมายมาต่อสู้กัน ไม่ใช่ไปจับใครแล้วบอกว่าละเมิดสิทธิ ต้องถามกลับเขาละเมิดก่อนหรือเปล่า ขออย่าไปคล้อยตามสื่อวันนี้ตนพูดเยอะ ถ้าเบื่อก็ปิดทีวี เพราะ 2 ทุ่ม ตนก็มาอีกแล้ว เอาให้เบื่อไปข้างหนึ่ง แต่เวลาพูดตนมีความสุข เพราะไม่มีคนเถียง อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อยู่ช่วงการเปลี่ยนผ่าน อยู่ระยะที่ 1 เราทุกคน ทุกกระทรววจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เหมือนรักลูก รักเท่ากัน ถ้ารบกับทุกคนก็ไปไม่ได้ แต่คนที่เกเร ขี้เกียจก็ต้องดูแลมากขึ้น วันนี้ต้องเอาปัญหาที่แก้ได้ก่อน ไม่ใช่เอาเรื่องใหญ่ ๆ มาแก้ทั้งหมด มันไปไม่ได้ ทำสิ่งที่ทำได้ก่อน ไม่ใช่เอาสิ่งที่ร่วมกันไม่ได้มาแก้ ก็เป็นการปรองดองไม่ได้โดยพฤตินัยอยู่แล้ว จึงต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างบูรณาการ อย่างเรื่องยางพาราถ้าไม่เป็นไปตามเกณฑ์ก็ไม่ได้
ส่วนการเป็นหนี้ครัวเรือนต่าง ๆ ให้รัฐบาลช่วยเหลือทั้งหมดโยนหนี้มาให้รัฐบาล จึงกลายเป็นวงจรให้ประเทศติดกับทั้งหมด การเดินหน้าประเทศอย่าเอาปัญหาเก่ามาพูดกัน ปัญหาไหนแก้ได้ก่อนทำก่อน อย่ามาเรียกร้องกับตน เพราะไม่มีประโยชน์ถ้าจะยื่นต้องทำเป็นหนังสือขึ้นมา ปีแรกมีปัญหาแจ้งศูนย์ดำรงธรรม 8 แสนเรื่อง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ร้อง ปีนี้รวมกันกว่า 2 ล้านเรื่อง ซึ่งแก้ทั้งหมดไม่ได้ แต่ต้องเดินหน้าทำงานร่วมกันในระดับล่างก่อน ไม่ใช่อะไรก็ขอ ๆ มันไม่ได้
ที่ผ่านมา เราไปช่วยต่างประเทศรบ ไปช่วยปลูกพืชในทะเลทรายได้ผลผลิตดี แต่ไทยทำไม่ได้ เพราะแก้ปัญหาไม่ยั่งยืน ดังนั้น ประชาชนต้องเป็นผู้นำปฏิรูปตัวเอง อย่างเรื่องการเกษตรมีปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิต ต้องแก้ให้ได้ เช่น ยาฆ่าแมลงเลิกใช้ ต้องใช้อินทรี และค่อย ๆ ลดไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ตนขอร้องเรื่องกฎหมายคือกฎหมาย ถ้าชะลอไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น อย่างเรื่องที่ดินทำกิน จะใช้มาตรการกฎหมายเท่าที่จำเป็นสำหรับผู้ที่บุกรุกป่า แต่ปล่อยให้บุกรุกอีกไม่ได้ อย่าร้องเรียนกับตนเรื่องนี้อีกเพราะถือว่าทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ เรื่องน้ำ ต้องโซนนิงให้ได้ และการคิดคำนวนของรัฐบาล มองภาพรวมทั้งประเทศ โดยนำข้อมูลจากดาวเทียม ไม่ใช่ไม่เชื่อมโยงกัน การขุดลอกต่าง ๆ มีการคิดมาก่อนทั้งหมดแล้ว อย่างหนองมะโมง ต้องเกิดตั้งนานแล้ว เมื่อน้ำแล้งจะปลูกข้าวจะคุ้มไหม ถ้ายังทำต่อน้ำอุปโภคบริโภคก็หมดจะทำอย่างไร วันนี้จึงต้องจัดโซนนิงให้ได้ว่าพื้นที่โรงงานควรอยู่ตรงไหน พื้นที่เพาะปลูกข้าวควรอยู่ตรงไหน ถ้ากำหนดแล้วถ้าอนุญาตที่เดียวโครงการอื่น ๆ อีก 100 โครงการก็ตามมาหมด ดังนั้น อะไรที่ปลูกแล้วมันฝืนก็ขออย่าปลูกอีกเพราะเสียหายก็มาเรียกร้องกันอีก รัฐบาลมีข้อมูลทั้งหมด แต่ถ้าไม่ช่วยกันจะแก้อะไรได้
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเท้าเพื่อตรวจเยี่ยมโครงการสระเก็บน้ำหนองดู่ พร้อมถ่ายรูปและรับของที่ระลึก รวมทั้งดอกไม้จากประชาชนที่มอบเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะเดินทางกลับ