งานเข้า “ป้าต่าย” ภรรยา “เนวิน ชิดชอบ” ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ป.ป.ช. รับลูก สตง. ไต่สวน สมัยนั่ง “นายก อบจ.บุรีรัมย์” ใช้งบ 20 ล้าน จ่ายให้ประชาชนเข้าชม - เชียร์ “ทีมเซราะกราว” ไม่ถูกต้อง ระบุ เงินสนับสนุนให้แก่เอกชนมิใช่เป็นการใช้เงินงบประมาณเพื่อดูแลจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นโดยส่วนรวม
วันนี้ (20 ม.ค.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน กรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบงบการเงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ โครงการส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาสุขความเป็นเลิศ ที่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการให้ประชาชนร่วมชมและเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นการใช้เงินงบประมาณที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นการใช้จ่ายเงินสนับสนุนให้แก่เอกชนมิใช่เป็นการใช้เงินงบประมาณเพื่อดูแลจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นโดยส่วนรวมนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่สำนักงาน ป.ป.ช. ไปรวบรวมมาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่าเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นางกรุณา ชิดชอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ กับพวก มีพฤติการณ์กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในกรณีดังกล่าวตามมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จึงมีมติให้รับเรื่องไว้ดำเนินการโดยมอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไปดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
มีรายงานว่า ที่ผ่านมา สตง. บุรีรัมย์ ได้ทำหนืงสือถึงผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (ผ่านผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 4) ระบุถึงความเป็นมา ว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีนี้สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ 2557
มีข้อเท็จจริงว่า จากการตรวจสอบงบการเงินดังกล่าว ปรากฏว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เบิกจ่ายเงินตามฎีกาที่ 137/2556 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 จำนวน 20,000,000 บาท เพื่ออุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาแก่เด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬาได้ไปศึกษาดูงาน เพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลหรือกีฬาประเภทต่าง ๆ ภายในประเทศ และกีฬาประเภทต่าง ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์ให้สูงขึ้น เพื่อพัฒนาความรู้ด้านกีฬาให้เด็ก เยาวชน และประชาชนให้มีความรู้เกี่ยวกับกีฬาและการออกกำลังกาย ฯลฯ
ซึ่งสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ นำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ประชาสัมพันธ์ และค่าพาหนะในการจ้างเหมารถยนต์ เพื่อนำเด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรเดินทางไปชมและเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่เข้าแข่งขันตามจังหวัดต่าง ๆ รวม 16 ครั้ง ๆ ละประมาณ 500 - 4,950 คน เป็นเงิน 20,000,000 บาท
ข้อพิจารณา/ข้อกฎหมาย พบว่า การใช้งบประมาณในการสนับสนุนสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการสนับสนุนงบประมาณให้องค์กรเอกชนและภารกิจที่สนับสนุนไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 45 อีกทั้งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการนำเด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬา เดินทางไปชมและเชียร์การแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ไม่ได้เป็นการศึกษาหรือเพิ่มพูนความรู้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศ และไม่ถือเป็นการดูแลและจัดทำการบริหารสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น ตามที่มาตรา 17 (18) แห่ง พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง กำหนดอำนาจหน้าที่ ในการจัดระบบบริการสาธารณะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2546 และลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 กำหนดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในการตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนมาก ที่ มท 0808.2/ว 74 ลงวันที่ 8 มกราคม 2553 โครงการ หรือกิจกรรมที่ขอรับเงินอุดหนุนจะต้องอยู่ในอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ โดยกรณีการจัดให้มีและบำรุงสถานที่สำหรับกีฬาหรือส่งเสริมกีฬา จะต้องเป็นการดำเนินการที่มีลักษณะเป็นการจัดทำบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองเป็นส่วนรวม
ซึ่งจากข้อเท็จจริงแล้ว กิจกรรมหรือค่าใช้จ่ายในโครงการดังกล่าวมิได้นำไปใช้ในการจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวม แต่นำไปใช้จ่ายในลักษณะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลและเกิดประโยชน์เฉพาะตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าพาหนะในการจ้างเหมาะรถยนต์ ให้กับผู้ร่วมโครงการหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ฯลฯ ดังนั้น การสนับสนุนงบประมาณให้กับสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 20,000,000 บาท จึงถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
ความเห็น สตจ. บุรีรัมย์ 1. การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนกรณีดังกล่าว เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการ ทำให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ได้รับความเสียหาย เห็นควรรายงานผลการตรวจสอบให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และหาผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น จำนวน 20,000,000 บาท รวมทั้งดำเนินการตามควรแก่กรณีกับผู้ที่มีส่วนร่วมทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าว พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระมัดระวัง รอบคอบและถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยเคร่งครัดต่อไป
2. ผลการตรวจสอบดังกล่าว เป็นข้อบกพร่องเนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 44 แห่ง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 และเป็นกรณีมีมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 10 ล้านบาท อำนาจพิจารณาสั่งการเป็นของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการมอบหมายและมอบอำนาจให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณาดำเนินการ พ.ศ.2555 ข้อ 5 (2) ประกอบคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 193/2555 เรื่อง การมอบหมายการพิจารณารายงานการตรวจสอบและการแจ้งผลการตรวจสอบ (ข) การตรวจสอบงบการเงิน (3)
3. หากเห็นชอบผลการตรวจสอบดังกล่าว โปรดพิจารณามอบให้ผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 4 เป็นผู้ลงนามหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
มีรายงานว่า ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ได้รับแจ้งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้เข้มงวดเรื่องการเบิกจ่ายเงินงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการกีฬา หลังจากที่ ก.มหาดไทย ทำหนังสือแจ้งกำชับให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเข้มงวดเรื่องการเบิกจ่ายเงินงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการกีฬา ปรากฏว่า ผู้ว่าฯ หลายจังหวัดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำหนังสือแจ้งกำชับให้หน่วยงานในสังกัด ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายงบอุดหนุนให้กับสมาคมกีฬาจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอย โดย ได้มีการทำหนังสือแจ้งเวียนให้ นายอำเภอทุกอำเภอ, นายก อบจ., นายเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีเมืองทุกแห่ง รับทราบแนวทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด