รองนายกฯ เปิดสัมมนามอบนโยบายแผนประชาสัมพันธ์ เผย รบ.ให้ความสำคัญ พร้อมประเมินแบบครูออกข้อสอบเอง สร้างการรับรู้ความเข้าใจ ปชช.เกิดประสิทธิภาพ ตั้งโฆษกประจำกระทรวง ทำงานบูรณาการใกล้ชิด แต่ยังแจ้งมาไม่ครบ รับนายกฯ บอกสั่งการแล้วยังไม่ตื่นตัว แต่เชื่อผลออกมาดี แจง 3 หลักประชาสัมพันธ์ นำไปใช้ทุกภาคส่วน ทำเพื่อประโยชน์ ย้ำสร้างการรับรู้ผู้มาเยี่ยม
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัล ลาดพร้าว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ในฐานะประธานการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ กล่าวเปิดสัมมนาและมอบนโยบายเรื่องการนำนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ 5 ไปสู่การปฏิบัติและแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล เพื่อสร้างความรับรู้ สร้างความเข้าใจในการพัฒนาชาติแก่ประชาชน ตอนหนึ่งว่า ช่วงเวลานี้รัฐบาลได้สั่งการหลายอย่างออกมาใหม่คือการให้ความสำคัญแก่แผนการประชาสัมพันธ์ฯ โดยเฉพาะข้อสั่งการของนายกฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 58 ที่ผ่านมาว่า นับแต่นี้ไปจะให้มีการประเมินสมถนะของหน่วยงาน และผู้บริหารระดับสูงซี 10-11 ใหม่ทั้งหมด ไม่ประเมินแบบที่ผ่านมาคือให้นักเรียนออกข้อสอบเอง แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือทำอย่างไรให้ครูออกข้อสอบได้เอง ทั้งนี้ แผนประชาสัมพันธ์จะเป็นตัวชี้วัดอีกตัวที่ใช้ในประเมินข้าราชการ ซึ่งการประเมินจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย. 59 แต่ข้อมูลที่ผ่านมาจะมองย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค. 58 และทราบผลการประเมินในวันที่ 1 ต.ค. 59 โดยวัดจาก 1. การปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจและกฎหมาย ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2. ประเมินตามระเบียบวาระ ข้อสั่งการเป็นพิเศษ 3. ใช้พื้นที่เป็นตัวกำหนด
นายวิษณุกล่าวอีกว่า เพื่อให้การสร้างความรับรู้ สร้าง ความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกิดประสิทธิภาพ นายกฯ จึงได้ตั้งโฆษกประจำกระทรวงต่างๆ รวมถึงโฆษกประจำ ก.พ., ก.พ.ร. โดยโฆษกที่ตั้งใหม่ต้องทำงานบูรณาการกับเลขาธิการนายกฯ รมต.ประจำสำนักนายกฯ โฆษกรัฐบาล และโฆษก คสช.อย่างใกล้ชิด ขณะนี้แจ้งมา 15 หน่วย ขาดอีก 5 หน่วย นายกฯ บอกว่าขนาดสั่งการแล้วยังไม่ตื่นตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าโฆษกแต่ละกระทรวงที่ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ม.ค.จะทำงานร่วมกับโฆษกรัฐบาลได้ดี ซึ่งโฆษกเหล่านี้ต้องใช้แผนการประชาสัมพันธ์ฉบับที่ 5 เข้ามาทำงาน ถ้าทำงานดีก็ได้รับผลดี เป็นการทำงานตามหน้าที่ปกติของโฆษก สิ่งเหล่านี้จะนำมาใช้ในการประเมินการทำงานของพวกท่านด้วย
นายวิษณุกล่าวอีกว่า สำหรับแผนการประชาสัมพันธ์ฯ มีหลักที่ต้องทำ 3 หลัก คือ 1. ต้องนำไปใช้กับทุกภาคส่วนในสังคมหรือประชารัฐ รณรงค์กับประชารัฐ คำนี้ศักดิ์สิทธิ์ มีมานาน ไม่ใช่สิ่งที่นายกฯ คิดค้นขึ้น 2. ต้องสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง ด้วยความรู้ ความเข้าใจ 3. ต้องทำเพื่อประโยชน์ 3 อย่าง คือ 3.1. สร้างความเข้าใจและทัศนคติที่ดีต่อกันซึ่งควรจะเป็นเรื่องที่ดีตามความเหมาะสม 3.2. ต้องสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ไม่ได้มอมเมาหรือล้างสมองเพราะข้อมูลบางเรื่องจำเป็นต่อการดำรงชีวิต 3.3. การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศให้แพร่ไปสู่สังคมโลก ซึ่งยามนี้มันยาก เพราะสถานการณ์ไทยไม่ปกติ ตนบอกทูตที่มาเยี่ยมเสมอให้เข้าใจในเรื่องดังกล่าวว่าทำอย่างไรให้รักษาสถานการณ์และฟื้นตัวกลับสภาวะปกติโดยเร็ว ขออย่าเพิ่งเรียกร้องเลือกตั้งอะไรในวันนี้ เพราะภาวะประเทศยังไม่ปกติ จะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่ต้องสร้างความรับรู้ให้แก่ผู้มาเยี่ยมได้รับทราบ