รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการลงนามเอ็มโอยูเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 4 หน่วยงาน หวังภาคธุรกิจติดต่อราชการเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และลดช่องทางการทุจริตลง หลัง พ.ร.บ. อำนวยความสะดวกในการขออนุญาตจากราชการที่มีผลบังคับใช้ ลดขั้นตอนการขอเอกสาร หวังถูกจัดอันดับประเทศที่น่าลงทุนในปีต่อไป
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
โดย นายวิษณุ กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้ถือเป็นงานเล็ก ๆ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ เพราะอาจจะยังไม่มีผลกระทบต่อคนในวงกว้าง หรือประชาชนทั่วไปโดยตรง แต่มีผลกับผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญ โดยที่ผ่านมาพบว่าสาเหตุที่ผู้ประกอบการไม่อยากลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากการติดต่อราชการมีจุดอ่อนหลายอย่าง ได้แก่ ความล่าช้า ความยุ่งยาก และมีต้นทุนที่แพง ซึ่งสิ่งเหล้านี้อาจเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการทุจริต วันนี้จึงต้องการแก้ไขปัญหาให้การติดต่อราชการเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และลดช่องทางการทุจริตลง จึงมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนวยความสะดวกในการขออนุญาตจากราชการที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลภูมิใจ เพราะเป็นกฎหมายสำคัญของประเทศ และมีประเทศอื่นมาขอใช้เพื่อเป็นต้นแบบในการออกกฎหมายดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายสามารถควบคุมได้เฉพาะขั้นตอน ระยะเวลา สถานที่ และเอกสารต่าง ๆ แต่กฎหมายไม่ได้บังคับใช้ต่อนิสัยคนที่ทำราชการ จึงอาจจะต้องมีการอบรมเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการปรารภว่า การติดต่อราชการจะต้องใช้เอกสารหลายอย่าง และมีการกรอกแบบฟอร์มที่ยุ่งยากวุ่นวาย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จึงต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยมีโครงการนำร่องในเรื่องการขอส่งเสริมการลงทุนเพื่ออำนวยความสะดวก จึงมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อลดขั้นตอนการขอเอกสาร ทั้งนี้ เชื่อว่า โครงการดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยให้คะแนนของประเทศไทยอยู่ในระดับดีขึ้นจากการประเมินของธนาคารโลก ที่จะจัดลำดับประเทศที่น่าลงทุนในปีต่อ ๆ ไป
นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กล่าวว่า การจัดพิธีลงนามในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงนโยบายรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐอำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานภาคเอกชนและประชาชนในการติดต่อและรับบริการจากภาครัฐ อีกทั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายในสำนักปลักสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงแบบฟอร์มและเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ติดต่อราชการให้ประชาชนมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว จึงถือเป็นความร่วมมือในการพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้มีการเชื่อมและแลกเปลี่ยนกันระหว่างหน่วยงาน.