ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 เผย ดูชื่อ กมธ.สันติสุขน่าจะมีความตั้งใจระดับหนึ่ง แต่กลัวซ้ำรอยเสียเวลา หากผู้มีอำนาจไม่ปฏิบัติตาม หวั่นคู่ขัดแย้งไม่ร่วม กมธ. เกิดความขัดแย้งใหม่เพิ่ม ทำยิ่งแก้ยาก จี้นายกฯ จริงใจใช้ ม.44 นิรโทษกรรมต้นซอย ช่วยผ่อนคลายความขัดแย้ง จี้คู่ขัดแย้งออกมาช่วยดันล้างผิด ปชช.
วันนี้ (14 ม.ค.) นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 และอดีตคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข ที่จะมี พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิก สนช.เป็นประธาน กมธ. และตัวแทนกลุ่มการเมืองทุกเสื้อสีเข้าร่วม ว่า ดูชื่อประธาน และกรรมาธิการแล้ว น่าจะมีความตั้งใจในระดับหนึ่ง แต่ความขัดแย้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาหลายชุดแล้ว แต่ปัญหายังไมคลี่คลาย ล่าสุดคือ คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน ซึ่งได้เสนอรายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดองไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่มีการนำไปปฏิบัติ เมื่อมีการเสนอตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาอีก หลายฝ่ายจึงมองว่าเสียเวลาไม่มีประโยชน์ เพราะผู้มีอำนาจขาดความจริงใจ
“หากรัฐบาลรัฐบาลมีความตั้งใจจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. สามารถใช้มาตรา 44 หรือคำสั่งนายกรัฐมนตรี นิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนที่ผู้มาร่วมชุมนุมทุกๆ เสื้อสี ทุกเหตุการณ์ที่ทำผิดกฎหมายการชุมนุมในทันที เป็นการนิรโทษกรรมต้นซอยตามข้อเสนอของกรรมการปรองดอง สปช. ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นด้วยแล้ว และเป็นไปตามแนวทางที่สากลประเทศ ใช้เพื่อนำไปสู่ความสามัคคีของคนในชาตินั้นๆ จากนั้นจึงตั้งคู่ขัดแย้งที่มีอำนาจตัดสินใจแทนมวลชนส่วนใหญ่ มาหาทางออกร่วมกัน เพราะการนิรโทษต้นซอย จะช่วยผ่อนคลายความรู้สึกขัดแย้งและบาดหมางกันให้เกิดความไว้วางใจและความจริงใจต่อกัน เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชนได้” นายอดุลย์กล่าว
นายอดุลย์กล่าวว่า ตนเป็นห่วงว่า หาก สนช.ตั้งกรรมาธิการดังกล่าวขึ้นมาแล้วคู่ขัดแย้งไม่เข้าร่วม มีแต่ตัวแทนที่ไม่มีอำนาจบางคนเข้าไปแล้วใช้เวลาศึกษานานถึง 6 เดือน ขณะที่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองก็ประสบความทุกข์ยากมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันจะเกิดความขัดแย้งใหม่ซ้ำเติมเข้ามาอีก จะเกิดวิกฤตการเมืองที่ทับซ้อนยากจะแก้ไขเยียวยาได้ คำตอบจึงอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวจะใช้ความกล้าหาญตัดสินใจให้ชัดเจนหรือปรองดองจะเอาอย่างไรอย่าใช้วิธีลับลวงพรางแบบนักการเมือง หรือซื้อเวลาไปอีก นอกจากนี้ ขอเรียกร้องคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายออกมายืนยันให้มีการนิรโทษกรรมแก่ประชาชนที่ร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์และศรัทธาทางการเมือง เพื่อแสดงความจริงใจว่าไม่ได้เอาประชาชนผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นเป็นตัวประกัน ให้สำนึกว่าประชาชนชนผู้ได้รับลำบากเหล่านั้นล้วนมาร่วมต่อสู้เพื่อพวกท่านด้วย