นายกรัฐมนตรีเผยส่งคนไปคุยชาวสวนยางแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย กำลังแก้ 2 ช่องทาง ชี้ปัญหาคณะกรรมการยางใหม่อยู่ที่ผู้แทนภาคเกษตรตกลงกันไม่ได้ เหตุต่างคนต่างอยากเป็น ขอเห็นใจรัฐ สั่งพัฒนาผลผลิตยางแล้ว แก้ระเบียบใช้งบกระทรวงซื้อ แต่ต้องใช้เวลา ขอซื้อในราคาที่พออยู่ได้ เผยระบบจัดซื้อส่งโรงงานผลิตสินค้าขายแล้วค่อยใช้หนี้ ถามไปบังคับมหาอำนาจให้ซื้อได้หรือ ยัวะพวกวิจารณ์แล้วจะให้กูทำยังไงวะ ก่อนขอโทษนักข่าว ก.เกษตรฯ หยอกจะให้ไปเป็นกุนซือกระทรวง
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำว่า วันนี้ได้ลงไปขับเคลื่อนและให้คนของคณะทำงานลงไปพูดคุยกับชาวสวนยางที่มีการประชุมและเสนอข้อเรียกร้องขึ้นมาวานนี้ (11 ม.ค.) โดยทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยถือว่าเข้าใจว่ารัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่ในลักษณะสองทาง 1 คือ ช่องทางปกติ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องมีคณะกรรมการยาง ทั้งนี้ ในส่วนของคณะกรรมการยางใหม่ที่จะต้องตั้ง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐ แต่อยู่ที่ผู้แทนภาคการเกษตรที่ตกลงกันไม่ได้ แม้จะมีการประชุมกัน 3-4 ครั้งก็ยังเสนอชื่อกันไม่ได้ เพราะต่างคนต่างอยากเป็น วันนี้ตนได้บอกให้ทำมาให้ได้ ดังนั้นที่ผ่านมาจึงต้องใช้รักษาการ เพราะตั้งไม่ได้ในเมื่อตั้งกรรมการไม่ได้ ก็ตั้งประธานไม่ได้ รวมถึงตัวผู้ว่าการยางด้วย ไม่ใช่เพราะรัฐบาลทำช้าหรือต้องการดึงเรื่อง ไม่ได้ต้องการดึงจะไปดึงทำไม รัฐบาลต้องการลดปัญหาอยู่แล้ว
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ก็ต้องไปดูว่าภาครัฐจะสามารถซื้อแผ่นยาง น้ำยาง ไปเข้าสู่กระบวนการผลิตควรจะซื้อในราคาที่เท่าไหร่ ต้องเห็นใจรัฐด้วย ถ้าเราไปเพิ่มราคาโดยที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย ซื้อเอามาเก็บเข้าคลัง คิดว่าจะเหมือนเดิม เมื่อซื้อมาจะไม่นำไปสู่ท้องตลาด จะผลักไปสู่การผลิตเลย ที่มีผลการวิจัยพัฒนาเรื่องยางมาเป็นร้อยๆ อย่างแต่ไม่เคยเอามาปฏิบัติ ซึ่งตนได้สั่งไปนานแล้วและเขาก็เดินอยู่ โดยจะต้องมีการนำผลวิจัยมารับรองมาตรฐานจึงจะสามารถใช้งบประมาณรัฐได้ ขณะเดียวกันรัฐก็ต้องไปแก้ปัญหาระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณของแต่ละกระทรวงให้ซื้อได้ ตรงนี้คือสิ่งที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ และมองว่ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาอะไร จริงๆ แล้วรัฐบาลทำหมดแล้วแต่มันต้องใช้เวลา กฎหมาย ระเบียบงบประมาณ ก็ต้องแก้
นายกฯ กล่าวว่า รัฐต้องไปซื้อยางกับเกษตรกรเพื่อเป็นต้นทุนการผลิตให้กับโรงงานที่เราส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี โดยซื้อยางในราคาที่เกษตรกรพออยู่ได้ พร้อมกันนี้จะหนุนผู้ประกอบการรายใหม่ให้เขาสามารถนำไปสู่การผลิตที่มากขึ้น แต่การชำระค้นทุนคืนมาก็ต้องให้เวลากับผู้ประกอบการ เพราะเขาเพิ่งทำได้ยังไม่มีกำไร เป็นการสตาร์ทอัพเอสเอ็มอี โดยเราไปสร้างความเข้มแข็งให้เขา ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่เกิดวงจรการผลิต ก็จะกลายเป็นว่าไปซื้อมาแล้วเก็บเข้าคลังก็เน่าเหมือนเดิม
“ตั้งแต่ผมเข้ามาทำงาน รัฐมนตรีบอกว่านายกฯ สั่งไปหมื่นห้าพันกว่าเรื่องแล้ว ผมก็อายเหมือนกันนะ สั่งเยอะ ท่านบอกว่าตอนนี้เสร็จไปห้าสิบกว่าเรื่องก็แย่แล้ว ตอนนี้ผมสั่งไปถึงชาติหน้าแล้ว ขอให้รู้ว่าเราไม่เคยหยุดคิด ทุกวันทุกคืน เสาร์-อาทิตย์ ก็คิดใหม่มาเรื่อยของเก่าก็ยังไม่เสร็จ เพราะมันติดกระบวนการติดกฎหมาย ก็ต้องค่อยๆ แก้ แต่ของใหม่ก็ต้องเริ่มเดินไปด้วย ดังนั้นก็ต้องเข้าใจการทำงานของรัฐบาลด้วย รัฐบาลนี้ไม่ได้ปกปิดอะไร ผมเปิดเผยว่าคิดอะไรทำอะไรต่อไป ปัญหาอยู่ตรงไหนกฎหมายว่าอย่างไรต้องชี้แจงได้” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า บอร์ดการยางจะมีการแต่งตั้งได้เมื่อไร นายกฯ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด โดยได้มีการประชุมที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว และน่าจะเริ่มตกลงกันได้ ถ้าตั้งกรรมการได้ ก็ตั้งประธานได้ สำหรับสัดส่วนกรรมการที่ยังตั้งไม่ได้ตอนนี้เป็นของเกษตรกร
เมื่อถามว่าจะนำยางออกจากสต๊อกโดยหน่วยงานจาก 8 กระทรวง สามารถทำได้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ทำไมไม่เข้าใจ พูดไม่รู้เรื่อง การซื้อจะเป็นการซื้อยางดิบ ยางแผ่น ขี้ยางก้นถ้วย อะไรก็ตามแต่ซื้อมาตามราคาที่ควรจะซื้อให้สูงกว่าท้องตลาดนิดหนึ่ง ให้ประชาชนอยู่ได้ นั่นแหละคือซื้อ เมื่อซื้อเสร็จแล้วก็ไปส่งโรงงาน โดยที่รัฐยังไม่เก็บเงินค่ายางจากโรงงาน โดยให้เขาผลิตสินค้าไปก่อน เช่น ถุงมือ ที่นอน อะไรต่างๆ เมื่อขายของได้ค่อยมาใช้หนี้รัฐ ซึ่งของที่ขายที่นอนทหารก็อาจจะซื้อเป็นการเอางบประมาณมาสนับสนุนกันเอง อัฐยายซื้อขนมยาย ไม่ใช่ว่าไปอุดหนุนราคาพยุงราคา แล้วไม่ได้เอาไปทำอะไร เหมือนที่คาอยู่ในคลังกว่า 3 แสนตัน ตรงนั้นก็เดดรับเบอร์ (dead rubber) ไปก่อน ยังไม่ต้องไปพูดถึงเพราะถ้าเอาออกมาขายตอนนี้ราคาก็ตก อยากซื้อมาก็เก็บมันไว้ ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนซื้อไว้ ใครเป็นคนซื้อจะเอาไปขายใครในเมื่อข้างนอกมียางขายราคาถูกกว่า นอกจากนี้ยังมีไปปลูกที่อื่นด้วยแล้วจะไปบังคับให้เขามาซื้อได้หรือไม่ คุณเอาอะไรไปบังคับมหาอำนาจให้เขาซื้อได้หรือไม่ ต้องคิดแบบนี้
นายกฯ กล่าวต่อว่า เมื่อแนวทางที่รัฐบาลได้ดำเนินการนั้นเกิดขึ้น ยางก็จะใช้มากขึ้น คราวหน้าก็เอายางในคลังมาให้เขาต่อคิดแบบนี้เป็นหรือไม่ และที่ซื้อแสนตันครั้งนี้เป็นยางใหม่ซื้อจากเกษตรกรโดยตรงไม่ซื้อจากสหกรณ์ส่วนราคาที่จะซื้อยังไม่รู้ เดี๋ยวเขาไปคุยกันต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องซื้อในราคานำตลาดเท่าไรที่จะไม่บิดเบือนการตลาด นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ราคาตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท ถามต่อว่ารัฐบาลมีเป้าหมายซื้อนำเท่าไหร่ นายกฯ เริ่มกล่าวอย่างมีอารมณ์โมโหว่า คุณเสนอมาสิเท่าไหร่ โดยผู้สื่อข่าวตอบว่าให้นายกฯ กำหนด ทำให้นายกฯ กล่าวต่อว่า “ผมกำหนด ผมมีสตางค์เท่าไหร่ งบประมาณรัฐมีเท่าไหร่ กำลังการผลิตมีเท่าไหร่ ขณะนี้ซื้อเพื่อบรรเทาราคายางที่ตก ช่วงนี้เหลือ 3 เดือนก่อนปิดฤดูกรีดยาง ซึ่งต้องการให้เขามีเงินอยู่ได้ เป็นการแก้ปัญหา”
เมื่อถามว่า ราคาซื้อนำนั้นจะไม่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด ไม่ตั้งราคามากเกินใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า เวลาที่เขาตั้งราคามากเกิน คุณไม่ไปว่าเขาล่ะ โดยผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า ได้ว่าแล้ว จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า แล้วเขาทำไหม ราคาข้าวหมื่นห้า บอกเขาหรือเปล่าว่าไม่เหมาะสม ผู้สื่อข่าวได้ตอบว่าบอกจนปากจะฉีกแล้ว นายกฯ กล่าวต่อว่า แล้วมันเกิดไหม ตนกำลังทำสิ่งที่ชัดเจนคุณก็มาไล่อยู่นั่น
เมื่อถามว่า เขาเรียกร้องในราคากิโลกรัมละ 60 บาท แต่รัฐให้ไม่ได้แล้วจะซื้อนำในราคาเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มากกว่าที่เขามีอยู่ เท่าไหร่ยังไม่รู้ เดี๋ยวเขาคุยกัน มันต้องเป็นการสมยอมกันระหว่างรัฐกับประชาชน ไม่ใช่ตนไปบังคับส่งเดช สื่อก็จะหาว่าไปแทรกแซงอีก เขากำลังคุยกันอยู่ นายกฯ ต้องไปทำเองหมดหรืออย่างไร
เมื่อถามว่า ในระยะยาวจะทำอย่างไรให้ดีต่อรัฐและประชาชนด้วยในเรื่องของราคายาง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อมีอะไรที่คิดไว้เสนอมา สำหรับตนบอกแล้วว่าทำอย่างไรยาง 4.7 ล้านตันจะนำไปสู่การใช้จ่ายในประเทศมากกว่า 30-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งวันนี้ใช้ 1.4 ล้านตัน แต่ยางมี 4 ล้านกว่า แล้วจะไปขายใคร เขาใช้ยางสังเคราะห์ขึ้นมาได้ทำอย่างไร ราคาน้ำมันตก ตนผลิตน้ำมันขายหรือเปล่า ก็เปล่า ตนบังคับให้เขาขายราคาส่งก็ไม่ได้ วิธีการแก้ของตนคือใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น สร้างโรงงานให้เกิดความเข้มแข็ง มันเคยทำกันไหมเล่า
เมื่อถามว่า สินค้าที่ผลิตออกมาไม่มีมาตรฐานจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็รับรองมาตรฐานก่อนขาย เมื่อถามว่าจะทันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทันก็ต้องทัน ไม่ทันก็หาคนอื่นทำ เมื่อถามว่า ได้ให้เงื่อนเวลากับกระทรวงอุตสาหกรรมในการดูแลรับรองมาตรฐานสินค้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “คราวหน้าสมัคร ส.ส.นะถามแบบนี้ ปัดโธ่ รู้ทุกเรื่องแหละ มาทำสิมาทำ ถามแบบนี้มันแรงไป อย่างนู้นอย่างนี้มันเสร็จเมื่อไหร่ ปัดโธ่ ในเรื่องมาตรฐานสินค้าเขาออกไปบ้างแล้ว มีการทำบัญชีไว้ สวทช. เอาบัญชีออกมาให้เขารู้บ้าง”
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้กระทรวงที่ไปซื้อยางนั้น ไม่ได้มีการอนุมัติงบประมาณใหม่ให้ แต่ให้ใช้งบประมาณภายในทำไปก่อน ไม่ใช่ไปของบประมาณเพิ่ม
“1. ท่านบอกให้ผมไปทำถนน 2. ท่านบอกประโยชน์น้อย 3. ใช้งบประมาณเปลือง แล้วจะให้กูทำยังไงวะ ปัดโธ่ กระทรวงมหาดไทยจะทำถนนเส้นทางในหมู่บ้านก่อน พอแล้ว ผมขี้เกียจตอบคุณ ต่อไปนี้ผมจะตอบแต่นโยบายอย่างเดียว ผมสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ไปถามเขา” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายว่า หลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้กล่าวขอบคุณนายกฯ โดยนายกฯ หันมาถามกลับว่า “ทำไม ไล่เหรอ ไม่ได้โมโห วันนี้จะพูดบอกว่าไม่โมโห นี่ไม่ได้โมโหแล้วนะ” จากนั้นนายกฯ เดินออกจากโพเดียม และหันไปเอ่ยปากขอโทษ พร้อมบอกว่า “ขอโทษนะอีหนูเอ้ย” จากนั้นได้สอบถามหาผู้สื่อข่าวที่ซักถามตนในเรื่องยางชื่ออะไร เมื่อได้เห็นหน้า ได้ทราบชื่อและสังกัดแล้วซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ตะโกนเรียกให้มาหาพร้อมชี้ไปยังเจ้าหน้าที่แล้วหยอกล้อว่า “ส่งไปเป็นที่ปรึกษากระทรวงเกษตรฯ หน่อยวะ”