แฉบิ๊ก ก.เกษตรฯ เล่นกลดันเด็กนักการเมืองใหญ่ภาคกลาง-อีสานขึ้นแท่น “ผู้ว่าการยาง” คนแรก

 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นในกระบวนการคัดเลือก “ผู้ว่าการยาง” คนแรกแล้ว แฉมีบิ๊ก ก.เกษตรฯ ที่นั่งเป็น กก.สรรหาบางคนแสดงออกเปิดเผยว่า ต้องการดันเด็กนักการเมืองใหญ่แห่งภาคกลาง และอีสานให้เข้าสู่เส้นชัย โดยไม่สนว่าจะเป็นการเล่นเกมกุดหัวผู้ที่มีความรู้ความสามารถไปด้วยหรือไม่
 
ท่ามกลางปัญหาของชาวสวนยางพาราที่ราคายางตกต่ำ จนชาวสวนยางพูดกันว่าทุกวันนี้ยางราคา 3 กิโลร้อย ประจวบเหมาะกับในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการออกพระราชบัญญัติจัดตั้งการยางแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2558 ซึ่งจะมีการจัดตั้งองค์กรการยางแห่งประเทศไทยขึ้นมาใหม่ อันจะให้ทำให้องค์กรนี้มีความคล่องตัวในการบริหาร รับผิดชอบดูและจัดการผลผลิตยางของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร ถือเป็นคุณูปการสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลที่มีเป้าหมายให้มีการปฏิรูป แก้ปัญหายางของประเทศอย่างยั่งยืน และมีเสถียรภาพ
 
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทยฉบับใหม่นี้ได้เปิดพื้นให้มีตัวแทนกรรมการผู้ทรงวุฒิจากเกษตรกร และตัวแทนจากสถาบันเกษตรกรถึง 5 คน ในการเข้ามาร่วมบริหารจัดการยางของประเทศทั้งระบบ แต่ปรากฏว่า บอร์ดการยางในส่วนที่เป็นตัวแทนของชาวสวนยางเลือกกันมาตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.2558 จนถึงวันนี้เลยเวลาเกินที่กฎหมายกำหนดไปแล้วก็ยังไม่มีการเสนอเข้าพิจารณาใน ครม. ซึ่งจนถึงวันนี้กรรมการบอร์ดตัวแทนจากเกษตรกรก็ยังไม่ได้ประกาศแต่งตั้งออกมาอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
 
ขณะเดียวกัน การประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อการสรรหาให้เป็น “ผู้ว่าการยาง” ที่ผ่านมา มีการเปิดรับสมัครไปแล้ว 2 รอบ ครั้งแรกมีการประกาศเปิดรับสมัครช่วงกลางเดือน พ.ย.2558 โดยมีผู้มาสมัคร 3 คน ต่อมา จึงต้องมีการเปิดรับสมัครใหม่ในรอบที่ 2 ช่วงวันที่ 1-15 ธ.ค.2558 ซึ่งครั้งหลังนี้มีผู้มาสมัครถึง 8 คน อีกทั้งถือว่าผู้สมัครแต่ละคนก็เป็นบุคคลที่น่าสนใจ และล้วนมีความรู้ความสามารถ ประกอบด้วย 1.นายสุพจน์ อาวาส 2.นายกฤต ธนิศราพงศ์ 3.นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที 4.นายมนชัย พงศ์สถาบดี 5.ดร.สุวิชัย ศุภรานนท์ 6.ดร.ไพทูรย์ วงศาสุทธิกุล 7.นายเพิก เลิศวังพง และ 8.นายปริญญา เพ็งสมบัติ
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แหล่งข่าวระดับรองปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เปิดเผย “ผู้จัดการออนไลน์ภาคใต้” ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค.2558 ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการกลั่นกรองคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกเป็นผู้ว่าการยาง ซึ่งมีรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั่งเป็นประธาน ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาบุคคลทั้ง 8 แล้ว ปรากฏว่า มีผู้มีคุณสมบัติผ่านการพิจารณารวม 3 คน โดยขั้นตอนต่อไปจะมีการเปิดให้บุคคลทั้ง 3 ได้มีการแสดงวิสัยทัศน์เพื่อนำไปสู่การคัดเลือกให้เหลือผู้ได้รับการแต่งตั้งเพียงคนเดียวในที่สุด
 
แหล่งข่าวระดับรองปลัดกระทรวงคนดังกล่าวยังกล่าวด้วยว่า เป็นที่น่าแปลกใจว่า ในยุคสมัยที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าจะดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างให้โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับได้ของสังคมตลอดเวลา แต่ปรากฏว่า ยังมีข้าราชการผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งกลับไม่ยอมทำตามนโยบาย กลับมีความพยายามกีดกันผู้สมัครบางคนที่มีคุณสมบัติไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นๆ แถมยังจัดว่ามีประวัติน่าสนใจ และน่าจะเป็นผลดีหากได้นั่งในตำแหน่งนี้ด้วย
 
“ผมได้อ่านวิสัยทัศน์ของคนที่ถูกกีดกันแล้ว เขาเป็น 1 ใน 3 รายที่มีคุณสมบัติผ่านการพิจารณา ผมว่ามีเรื่องราวน่าสนใจทีเดียว แต่กลับมีกรรมการบางคนจากกระทรวงเกษตรฯ พยายามที่จะตัดรายชื่อเขาทิ้งไป สิ่งเหล่านี้ผมถือว่าไม่แฟร์สำหรับเขาที่อุตส่าห์เสียสละมาลงรับสมัคร เขามีความตั้งใจจะเข้ามาช่วยเหลือบ้านเมือง และวงการยางของประเทศเรา ความจริงผมก็นับถือน้ำใจของทุกคนที่มาลงรับสมัครด้วยกันทั้งนั้น ผมไม่เข้าใจว่าข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ คนนั้นเขาคิดอะไรของเขาอยู่”
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้เวลานี้รัฐบาลทหารที่ใช้ช่องทางเข้าบริหารประเทศโดยวิธีการพิเศษ ซึ่งประกาศมาต่อเนื่องว่าจะพยายามล้มล้างการทุจริต และประพฤติมิชอบ แล้วนำพาบ้านเมืองให้พ้นจากเงื้อมมือกลุ่มก๊วนนักการเมืองที่เคยสร้างวิกฤตปัญหาหมักหมมให้แก่ประเทศชาตินั้น เวลานี้ไม่ทราบเลยหรือว่ามีความพยายามของข้าราชการระดับบิ๊กกระทรวงเกษตรฯ บางคน พยายามผลักดันให้คนใกล้ชิดนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลยิ่งใหญ่คับภาคกลางบางคน หรือไม่ก็เด็กอดีตนักการเมืองอีสานที่เคยนั่งเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง รวมถึง รมว.เกษตรฯ ได้เข้านั่งเป็นผู้ว่าการยางคนแรกให้ได้
 
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้ในกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังจับตาความเคลื่อนไหวในวงการยางพาราในภาคใต้  ได้มีการแชร์ และเผยแพร่เรื่องราวความผิดปกติที่เกิดขึ้นต่อการสรรหาผู้ว่าการยางคนแรกของประเทศด้วยแล้ว พร้อมกันนั้น ได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลมีการตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวยืนยันว่า ได้มีการส่งข้อมูลไปให้ประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมถึงทีมงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินหน้าตรงสอบในเรื่องนี้แล้วด้วยเช่นกัน