หัวหน้า สนง.ประธานองคมนตรีฯ เผย 30 ธ.ค. “ประยุทธ์” นำคณะอวยพร “ป๋าเปรม” ของดอวยพรส่วนตัวส่งการ์ดแทน เหตุอายุมาก “บิ๊กป้อม” เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ให้ขุนทหารตบเท้าอวยพรก่อนงานป๋า หน่วยข่าวกรองไม่พบข้อมูลป่วนปีใหม่ กอ.รมน.วอนสื่อสร้างความมั่นใจมาตรการ รปภ.รัฐ คสช.แจงทหารตั้งจุดตรวจร่วมเข้มทุกสาย พบเมาแล้วขับยึดรถ-คุมตัวตามนโยบายคืนหลังปีใหม่
วันนี้ (28 ธ.ค.) พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี และทหารคนสนิท พล.อ.เปรม เปิดเผยว่า กำหนดการเข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ วันที่ 30 ธ.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะนำคณะรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีทหาร ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าอวยพรรวมเป็นคณะเดียวกันในเวลา 09.00 น. จากนั้นจะเปิดให้ตัวแทนสมาคมและองค์กรต่างๆ เข้าอวยพรต่อ อย่างไรก็ตาม ขอความกรุณาบุคคล ประชาชนทั่วไปที่จะเข้าอวยพรส่วนตัวขอให้ส่งเป็นการ์ดอวยพรมาแทน เนื่องจาก พล.อ.เปรมอายุมากแล้วคงยืนอวยพรเป็นเวลานานไม่ไหว
มีรายงานด้วยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 30 ธ.ค.นื้ เวลาประมาณ 06.30 น. ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมถึงคณะบุคคลจะเข้าอวยพร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกก่อนเดินทางมาที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย
ด้าน พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน.เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.รมน.ได้มอบให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์และเพิ่มมาตรการระวังป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 และเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ด้านความมั่นคง กอ.รมน.พร้อมร่วมมือกับทุกส่วนราชการ ในการบูรณาการและประสานงานด้านการข่าวร่วมกันเฝ้าระวังเหตุผิดปกติต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท และให้ความสำคัญกับมาตรการเชิงป้องกันมากขึ้น
“ขณะนี้ข้อมูลของหน่วยงานด้านการข่าวภายใต้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับมิตรประเทศได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่า ยังไม่พบสิ่งบอกเหตุหรือสัญญาณใดๆ ในการก่อเหตุร้าย ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้เกิดความมั่นใจว่า มาตรการระวังป้องกันและรักษาความปลอดภัยของไทยมีความเข้มงวดมากขึ้น กับขอความร่วมมือจากประชาชนทั่วไปร่วมกันป้องกันเหตุร้ายด้วยการช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่ของตนเอง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือวัตถุต้องสงสัย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการพิสูจน์ทราบทันที”
พล.ต.บรรพตกล่าวต่อว่า องค์กรภาครัฐทุกหน่วยที่มีหน่วยข่าวของตนเองอยู่แล้วจะช่วยกันดูแลสถานการณ์ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง สำหรับหน่วยปฏิบัติการในแต่ละพื้นที่นั้น นอกจากสนธิกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง จัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วม จัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจ เพื่อป้องปรามการเกิดเหตุการณ์แล้ว ยังได้กำชับให้เพิ่มสายตรวจมากขึ้นในพื้นที่เสี่ยงการเกิดภัยต่างๆ เช่น สถานที่จัดกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยว สวนสาธารณะ เป็นต้น ในส่วนของพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังคงปรากฏสถานการณ์ด้านความมั่นคงเฉพาะพื้นที่นั้น ได้มอบให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการก่อเหตุร้าย ทั้งก่อนและหลังห้วงเทศกาล ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทางการท่องเที่ยวและพื้นที่เชิงสัญลักษณ์การก่อเหตุในอดีต เพื่อสกัดกั้นความพยายามก่อเหตุ
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ขณะนี้กองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) ทั่วประเทศ กำลังปฏิบัติมาตรการดูแลสถานการณ์ช่วงเทศกาลปีใหม่หลังจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช เลขาธิการ คสช. ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ทั่วประเทศตั้งจุดตรวจรถอย่างเข้มงวดตั้งแต่วันที่ 25 จนหมดช่วงเทศกาล โดยเน้นถนนสายรองภายในหมู่บ้าน โดยเฉพาะจักรยานยนต์หากตรวจพบว่าผู้ขับขี่ดื่มสุรา เจ้าหน้าที่จะพิจารณายึดรถไว้ก่อน แล้วหลังเทศกาลปีใหม่ทางเจ้าของรถสามารถติดต่อขอคืนได้
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า ตัวเลขล่าสุดตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.จนถึงคืนวันที่ 27 ธ.ค. พบที่ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนดจำนวน 100 รายจากทั่วประเทศ เป็นการรวบรวมจากทุกกองทัพภาค โดยแบ่งเป็นจักรยานยนต์ 50 คัน รถยนต์ส่วนบุคคล 50 คัน และยึดใบอนุญาตขับขี่ 38 ราย โดยกองทัพภาคที่ 2 สามารถยึดได้ 36 ราย ขณะที่กองทัพภาคที่ 3 สามารถยึดได้ 64 ราย
ทั้งนี้ ก่อนการประกาศใช้มาตราการดังกล่าวทางจังหวัดและทุกกองทัพภาคได้ทำการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า พร้อมทั้งใช้การขอความร่วมมือและให้ประชาคมหมู่บ้านเป็นผู้ช่วยดำเนินการควบคู่กับการใช้กฎหมาย พระราชบัญญัติจราจรทางบกซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะที่บุคคลที่ถูกยึดรถก็เข้าใจในมาตรการเป็นอย่างดี และผู้ขับขี่ที่ถูกยึดรถ สามารถนำใบที่ออกให้มาแสดงตัวและรับรถกลับได้ หลังจากช่วงเทศกาล
“ทุกกองทัพภาคจะให้ความสำคัญเส้นทางรอง ซึ่งมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด จึง คสช.สั่งกำชับที่ตั้งด่านตรวจร่วม หรือด่านชุมขุนเส้นทางรอง โดยอาศัยการทำงานเชิงรุก และขอความร่วมมือกับทางจังหวัด เพื่อทำงานร่วมกัน ทั้งจุดตรวจหน้าค่ายทหารให้บริการประชาชน และหากพบผู้ขับขี่มีอาการล้าสามารถให้พักผ่อนก่อนค่อยเดินทางต่อได้ ซึ่งจุดตรวจจะพยาบาลและการบริการทางการแพทย์คอยให้บริการทุกจุดเหมือนกันทุกกองทัพภาค ตามนโยบาย คสช.” พ.อ.วินธัยกล่าว