รมว.กห.สั่งเหล่าทัพมีเอกภาพ สกัดเหตุรุนแรง เข้มกลุ่มอิทธิพล เกาะติดสังคมออนไลน์

โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยรองนายกฯ และ รมว.กห.นำคณะลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ระบุสถานการณ์ความมั่นคงไทยมีความซับซ้อน เชื่อมโยงต่างประเทศ จำเป็นต้องบูรณาการอย่างเป็นเอกภาพ ต้องไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น ดำเนินการข่าวเข้มข้นในพื้นที่กลุ่มอิทธิพล ใช้กฎหมายเด็ดขาด เกาะติดสังคมออนไลน์บิดเบือนข้อเท็จจริง

วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำคณะอันประกอบ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก( ผบ.ทบ.) และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา โดยมีผู้บังคับหน่วยทหารและตำรวจ ตั้งแต่ผู้บังคับกองพัน และผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่ขึ้นไปร่วมรับฟัง ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ที่ร่วมกันเสียสละทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ด้วยดีมาโดยตลอด

พล.ต.คงชีพกล่าวอีกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เน้นย้ำถึงสถานการณ์ความมั่นคงปัจจุบันที่มีความซับซ้อนและมีมิติเชื่อมโยงทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในสิ้นปี 58 มีความจำเป็นที่หน่วยงานความมั่นคงต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างทั่วถึง ความมั่นคงของประเทศจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน มีความจำเป็นที่ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน การทำงานร่วมกับภาคประชาชนจึงมีความสำคัญยิ่ง ที่ต้องสร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วน จนสามารถพัฒนาเป็นเครือข่ายประชาชนร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐในการทำหน้าที่เครือข่ายเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาสำคัญต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ และการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติ เป็นต้น

พล.ต.คงชีพกล่าวว่า ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังได้เน้นย้ำว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 มีความจำเป็นต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองในระดับพื้นที่ ในการดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความกินดีอยู่ดี ทั้งในระดับกลุ่มจังหวัด จนถึงระดับตำบลและหมู่บ้าน อย่างทั่วถึงให้ได้ตามนโยบายของรัฐบาล และจำเป็นต้องมุ่งบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ปัญหาให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จในพื้นที่

“ขอเน้นย้ำเป็นนโยบายว่า ต้องไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยต้องร่วมกันเอกซเรย์ไม่ให้มีกลุ่มอิทธิพลหรือกลุ่มบุคคลใดมีและใช้อาวุธสงครามในครอบครอง หรือมีอำนาจเหนือกฎหมายโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งให้ดำเนินมาตรการข่าวอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ต่อกลุ่มอิทธิพลใน 16 ฐานความผิดที่กำหนด เพื่อดำเนินมาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป ขณะเดียวกัน ขอให้ร่วมกันสร้างความเข้าใจต่อประชาชนถึงนโยบายของรัฐบาลที่มีความตั้งใจที่จะปฏิรูปและขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” พล.ต.คงชีพกล่าว

พล.ต.คงชีพกล่าวต่อไปว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังย้ำว่าขอให้ทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและโปร่งใส โดยจำเป็นต้องลงไปกำกับดูแลการทำงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอให้ติดตามการเสนอข้อมูลผ่านทาง Social Media ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง และสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชนในการสร้างการรับรู้ต่อประชาชน ต่อข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง และไม่ยอมให้กลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อประเทศใช้สื่อนำเสนอเรื่องราวที่เป็นเท็จแก่ประชาชนให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความแตกแยกของคนในชาติ และกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนอย่างเช่นที่เกิดขึ้นในอดีตโดยเด็ดขาด