ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พล.อ.ธีรชัย” ผบ.ทบ. ลงโคราชตรวจเยี่ยมหน่วยทหาร “ทภ.2” พร้อมมอบนโยบายด้านความมั่นคงให้หน่วยทหาร-ผู้ว่าฯ-ผู้การฯ ตำรวจ 20 จังหวัดภาคอีสาน จี้ทุกส่วนที่เกี่ยวต้องมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เน้นรักษาความสงบเรียบร้อย-ความมั่นคงภายในพื้นที่รับผิดชอบ สร้างปรองดองเพื่อการปฏิรูป การช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะภัยแล้ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ห้องประชุมศรีพัชรินทร์ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 และมอบนโยบายการปฏิบัติงานในสายงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการรักษาความสงบเรียบร้อย (รส.) ให้แก่ผู้บริหารงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2
โดยมี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมต้อนรับ และรายงานสถานการณ์ในภาคอีสาน รวมทั้งมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 20 จังหวัดภาคอีสาน เช่น นายวิเชียร จันทร์โณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าฯ อุดรธานี, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3), ผบช.ภ.4, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ทั้ง 20 จังหวัดภาค และหน่วยทหารขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมแประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ ในที่ประชุม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบนโยบายด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย, การสร้างความปรองดองสถานฉันท์เพื่อการปฏิรูป, การรักษาความมั่นคงภายในพื้นที่รับผิดชอบ การช่วยเหลือประชาชนและการบรรเทาสาธารณภัย (แก้ปัญหาแล้ง) ซึ่งการปฏิบัติงานทุกหน่วยต้องมีผลงานเป็นที่ประจักษ์
โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (กอ.รมน.ภาค 2) ได้สรุปผลการดำเนินงาน ดังนี้ 1. การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ได้ดำเนินการรักษาความปลอดภัยสถานที่จำนวน 64 แห่ง และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญจำนวน 285 แห่ง จัดตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ 42 แห่ง ลาดตระเวรพื้นที่เสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
2. การปราบปรามยาเสพติด ให้ดำเนินการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดรวมทั้งป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดตามแนวชายแดนโดยกองกำลังป้องกันชายแดนร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจในพื้นที่และป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และ 3. การปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ได้มีการยับยั้งการบุกรุกทำลายป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อนำไม้ไปใช้ประโยชน์และใช้เป็นพื้นที่การเกษตร สามารถทวงคืนผืนป่าจากผู้มีอิทธิพลได้จำนวน 65,000 ไร่ และดำเนินการตามกระบวนกฎหมายสามารถนำไปสู่การยึดทรัพย์อีกหลายราย รวมทั้งการปราบปรามบ่อนการพนัน อาวุธสงคราม การจัดระเบียบสังคม การจัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะ
สำหรับปัญหาวิกฤตภัยแล้งเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้และต่อไป ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานเตรียมการรองรับสถานการณ์ที่สอดคล้องในแต่ละพื้นที่เรียบร้อยแล้ว