แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นตัวแทน ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมกำลังพลที่บาดเจ็บ พร้อมมอบเงิน 4 พันบาท เป็นขวัญกำลังใจ เผยเตรียมกำลังพลและเครื่องมือพร้อมช่วยเหลือน้ำท่วม ยันสถานการณ์อยู่ในขีดความสามารถที่รับมือได้ ส่วนการดูแลสภาวะแวดล้อม ส่งกำลังพลดูแลประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรม พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกโครงการ 1 ตำบล 1 ล้านบาท ยันความสัมพันธ์ชายแดนไทย - กัมพูชา อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนผู้เห็นต่างเคลื่อนไหวมีน้อย พูดคุยกันได้
วันนี้ (9 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบหมายเป็นตัวแทน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตรวจเยี่ยมกำลังพลที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคสนามชายแดน จำนวน 38 นาย โดย พล.ท.ธวัช กล่าวว่า ผบ.ทบ. ได้ให้ความสำคัญ และมองเห็นทุกท่านเป็นผู้เสียสละในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้เน้นย้ำให้ความสำคัญตลอดในการดูแลกำลังพลผู้ป่วยเจ็บที่รักษาตัวโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตลอดจนครอบครัวของกำลังให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ผบ.ทบ. มอบเงินบำรุงขวัญให้ผู้ป่ายเจ็บทุกคน จำนวน 4 พันบาท เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคน
พล.ท.ธวัช กล่าวอีกว่า ทุกคนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี สีหน้าสดใส และอาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นหลายคน ในส่วนทหารพิการที่ช่วยเหลือไม่ได้ กองทัพบกมีมาตราดูแลอยู่แล้ว โดยการให้ญาติพี่น้องทดแทน ขณะนี้ขวัญกำลังใจของกำลังพลดีมาก ซึ่ง ผบ.ทบ. ให้ความสำคัญ ส่วนการตามหาพลทหารปลดประจำการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการตามหาจนครบหมดแล้ว แต่เพื่อป้องกันการตกหล่น ยังคงมีเจ้าหน้าที่ติดตามอยู่
พล.ท.ธวัช กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนรับมือกับฝนตกหนักในระยะนี้ ว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้เตรียมกำลังพลและเครื่องมือพร้อมช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยการเปิดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทุกศูนย์ของกองทัพภาคที่ 2 และตนได้สั่งการให้ตรวจเช็กความพร้อมอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ในช่วงคืนผ่านมา รับรายงานมีฝนตกในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 เราก็ได้ส่งกำลังพลทางไปช่วยเหลือทันท่วงที และยังไม่มีอะไรหนักใจ สถานการณ์อยู่ในขีดความสามารถที่รับมือได้ สำหรับการป้องกันกำลังพลไม่ให้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น ตนมองว่า มาตรการดีสุด คือ การฝึก ทาง ผบ.ทบ. สั่งให้มีการฝึกเข้มข้น จริงจัง ถ้าฝึกตามแบบไปรบถือเป็นการป้องกันอยู่แล้ว
พล.ท.ธวัช ยังกล่าวถึงการดูแลสภาวะแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ให้เอื้อต่อการบริหารงานของรัฐบาล ตามนโยบาย ผบ.ทบ. ว่า กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งกำลังพลดูแลประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรม เรื่องใดสามารถแก้ปัญหาได้จะดำเนินการทันที ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายก็ดำเนินการ ตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม
“ในห้วงที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินการสร้างสภาวะแวดล้อมให้เอื้อต่อการบริหารงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ 1 ตำบล 1 ล้านบาท ที่ได้งบประมาณจากรัฐบาล ทางทหารก็ช่วยอำนวยสะดวก มีการทำประชาคมระดับล่างจนถึงระดับอำเภอและจังหวัด จนได้รับอนุมัติโครงการระดับกระทรวง จนได้งบประมาณและช่วยดูแลจนงบประมาณตกถึงมือประชาชน ผมทราบว่า ทุกประชาชนทุกตำบลที่ได้รับงบประมาณ พึงพอใจกับมาตราการดังกล่าว เพราะเป็นโครงการที่ประชาชนคิดเอง ซึ่งงบประมาณเหล่านี้ถึงมือประชาชนชัดเจน ไม่รั่วไหล จุดนี้เป็นแนวทางที่ดีในการบริหารงบประมาณให้โปร่งใส” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
ส่วนการดูแลความเรียบร้อยบริเวณชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความสัมพันธ์ชายแดนไทยกัมพูชาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลดี ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระดับล่างดีขึ้นด้วย
พล.ท.ธวัช กล่าวอีกว่า ส่วนการทำความเข้าใจกับผู้เห็นต่างในพื้นที่นั้น เรามีศูนย์ปรองดองสมานฉันท์และได้รับมอบภารกิจจากกองกำลังรักษาความเรียบร้อย (กกล.รส.) ในการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ทั้ง 20 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการชี้แจงทำความเข้าใจ และได้รับผลตอบรับที่ดี เมื่อมีปัญหาเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการเข้าพูดคุยทันที จะเห็นได้ว่าห้วงที่ผ่านมาไม่มีใครออกมาต่อต้านในลักษณะทำผิดกฎหมาย หรืออาจจะมีบ้างแต่เป็นส่วนน้อย เราก็พูดคุยกันได้ ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต้องมีการปรับและกำหนดแนวทางในการลงชี้แจงกับประชาชน ตามโรดแมปต่าง ๆ ให้มีความชัดเจน ซึ่งโรดแมปไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร รัฐบาลก็ยังคงเดินตามโรดแมป