xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” หัวเสีย! ซัดสื่อไม่สร้างสรรค์ ย้ำเดินหน้านโยบาย 6 ด้าน วอนร่วมรักสามัคคีนำปฏิรูป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีปิดแถลงผลงานรัฐบาล ตำหนิสื่อวิจารณ์มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ คนทำงานเสียกำลังใจ ด่ากลับเขียน คสช. จะรอดหรือไม่ ซัดไม่สร้างสรรค์ ย้ำนโยบายเร่งด่วน 6 ด้านจะทำให้เห็น ยันไม่หวังคะแนนเสียง แก้ปัญหาให้คนมีความสุข ขอทุกคนรักคนอื่นด้วย อย่าคิดแต่หาประชาธิปไตยอย่างเดียว ซัดผู้บริหารช่อง 11 เอาแต่ขอสร้างตึก แต่รายการดีไม่มีคนดู ต้องบูรณาการแม่น้ำ 3 สาย ลั่นพร้อมรับผิดชอบผลประชามติ สั่งขายจำนำข้าวเน่า ซัดคนทำเจ๊งรับผิดชอบ วอนร่วมรักสามัคคีไม่ขัดแย้ง เป็นปีแห่งการปฏิรูป ก่อนปลุกใจชวน ครม.ร้องเพลง

วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปิดการแถลงสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลรอบ 1 ปี โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง โดยกล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า “ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันคิดและฟัง ซึ่งการแถลงผลงานครั้งนี้อาจแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา หลายคนวิจารณ์ว่าใช้เวลานานเกินไป หลายคนไม่เข้าใจ หาว่ามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ พอถามกลับไปว่าเนื้อคืออะไร ก็บอกว่า อย่างเช่น การเขียนลอตเตอรี่ได้ในราคาฉบับละ 80 บาท ถ้าอย่างนี้ไม่ต้องปฏิรูป เพราะขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน สิ่งที่ทำวันนี้คือการเอาประวัติศาสตร์มาเรียนรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน วันนี้จะแก้อย่างไร และจะเริ่มต้นที่จะทำต่อไปในรัฐบาลข้างหน้าอีก 4-5 รัฐบาล คิดอย่างนี้ถึงจะรู้ว่าความเชื่อมโยงคืออะไร บางอย่างต้องใช้เวลา ไม่ใช่อะไรก็มาตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ เศรษฐกิจทำไมไม่ดีขึ้น ถ้าอย่างนี้ผมเห็นว่ามันไม่มีความแตกต่าง ผมไม่ได้ว่าใคร แต่คิดว่าเรายังไม่มีจุดร่วมในการทำงานร่วมกันเพื่อประเทศอย่างสมบูรณ์ ทุกคนอยากเห็นประเทศก้าวหน้า ยกเว้นคนไม่ดี”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้เหมือนที่มาของทศกัณฐ์ ซึ่งมาจากนนทุก ถึงจะแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ การดูโขนเราจะรู้ว่ามีเพียงสองฝ่าย และจะเป็นอย่างไรฝ่ายธรรมะต้องชนะอธรรมเสมอ ทุกคนต้องทำให้ได้

“ผมอ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ไม่เข้าใจ ผมเองได้ไปเดินเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานมาแล้ว แต่หนังสือพิมพ์เขียนยังนี้ มันใช้ได้หรือไม่ ไปดูกันได้เลย มันสร้างสรรค์อะไรให้ผมบ้าง แล้วก็มาว่าผมไปละเมิดจรรยาบรรณของพวกท่าน ไปเขียนได้อย่างไร วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมหาศาล แล้วสื่อก็มาเขียนเพียง 4-5 บรรทัด นี่หรือเรียกว่ารักชาติ จะร่วมปฏิรูปประเทศ ผมว่าบางคนเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด เรื่องนี้ผมไม่ยอมที่จะให้คนเหล่านี้เสียกำลังใจ เพราะพวกเขาเป็นคนทำงาน ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นเป็นคนสั่ง มีความเชื่อมโยงในการทำงาน ทุกคนจะต้องรวมกันให้ได้ ต้องรู้ว่าอดีต ประวัติศาสตร์ ปัญหาอยู่ตรงไหนแล้วต้องแก้ตามความสำคัญ ที่ผ่านมาผมแก้ไปแล้ว 1 ปี กำลังแก้อีก 1 ปี 6 เดือนจะแก้ให้เสร็จโดยเร็ว อะไรที่ไม่เสร็จรัฐบาลหน้ารับผิดชอบไป ทั้งผิดทั้งชอบ วันนี้แค่รักษาสถานภาพเศรษฐกิจให้คนอยู่ได้ ไม่อดตายก็เก่งแล้ว แล้วสื่อก็ไปเขียนว่าจะรอดหรือไม่ อย่างนี้หรือที่เป็นการให้กำลังใจกัน รัฐบาล คสช. ปี 2559 จะรอดไหม มึงอย่ามาเขียน ไม่สร้างสรรค์ ผมไม่ได้โทษไอ้คนเขียน แต่ไอ้คนตรวจปรู๊ฟ คอลัมนิสต์ บรรณาธิการ เจ้าของหนังสือพิมพ์ ผมไม่กลัวหรอกเพราะผมคิดว่าผมทำถูก ผมไม่ได้ไปบังคับท่าน บางฉบับดีทั้งเล่ม บางเล่มก็ดี หน้ากลางว่าเศรษฐกิจเดินหน้า แต่หน้าแรกบอกเศรษฐกิจตก มันเล่มเดียวกันหรือไม่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ หรือต้องหลากหลาย หน้า 1 ขย่มเข้าไป ทั้งเรื่องการตัดสินของศาลไม่เป็นธรรม ตำรวจไม่ดี ทำลายกระบวนการยุติธรรมของตัวเอง แล้วมันจะสงบได้อย่างไร ถ้ามันไม่ผิดก็ไปอุทธรณ์มา ไปฟ้องศาลปกครองก็ได้ ไม่ใช่มาวิพากษ์วิจารณ์จนเสียระบบกันไปหมด ผมไม่ยอมตรงนี้” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ต่อไปในเรื่องของการจัดนิทรรศการผลงานต้องสร้างความสุขให้ตนด้วย ไม่ใช่จะจัดนิทรรศการสรุปงาน หรือการประชุม ทุกคนจะต้องอธิบายให้ชัดเจนถึงงานในหน้าที่ งบประมาณ ซึ่งต้องสุจริต โปร่งใส ในเรื่องของนโยบายเร่งด่วนที่ต้องแก้ทั้ง 6 ด้านจะทำให้เห็น แล้วเวลาอีก 1 ปี 6 เดือนก็จะเห็นว่าที่ผ่านมาสิ่งที่แก้ไข สิ่งที่กำลังทำและสิ่งที่กำลังจะทำในอนาคตทั้งหมดคือแผนการปฏิรูป บางอย่างอาจจะจบภายใน 1 ปี แต่บางอย่างต้องใช้เวลา และที่วันนี้ต้องมียุทธศาสตร์ 20 ปี เพราะคนรุ่นใหม่ยังไม่เกิด เราจึงต้องคาดหวังในอนาคตข้างหน้า ถึงจะทำให้อนาคตไม่มีปัญหา ต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น พัฒนาประเทศให้ได้ ทุกกระทรวงต้องเตรียมงานไว้ ต่อไปนี้ต้องทำตั้งแต่แรก ในเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2560 ก่อนที่กระทรวงจะเสนอขึ้นมา ต้องนำกิจกรรมทุกกระทรวงมาบูรณาการร่วมกัน เพื่อทำเป็นแผนงานโครงการ ประเทศไทยไม่เคยเห็นอนาคตของตัวเองมาก่อน แต่วันนี้เราต้องคิดไม่เช่นนั้น เราจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ จะเอาแต่ประชาธิปไตยอย่างเดียวเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไม่ได้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องทำในเรื่องอื่นด้วย ทั้งเรื่องการปฏิรูป การเคารพกฎหมาย สร้างคนรุ่นใหม่ สร้างความเข้มแข็ง เราต้องสร้างความเชื่อมโยงกันให้ได้ สร้างกลไกในการขับเคลื่อนในอีก 1 ปี 6 เดือนที่ทุกคนต้องอยู่กับตนไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2559 ท่านต้องบอกตนได้ว่าทุกกระทรวงทำอะไรเสร็จบ้าง เชื่อมโยงกับกระทรวงอื่นอย่างไร การศึกษา การต่างประเทศจะต้องมีการบูรณาการงาน เป็นการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ทุกคนต้องทำ ถ้าไม่ทำมีเรื่องแน่ พันธกิจงานต่างๆ ต้องทำและตนต้องสร้างความเชื่อมโยง ไม่เช่นนั้นทางสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก็จะทำกันไม่ได้ บางคนไม่เข้าใจเพราะไม่ฟัง ไม่อดทน

“เวลาอีกปีครึ่งท่านต้องตอบผมให้ได้ว่าทำอะไรได้บ้างในทุกกิจกรรม 6 รองนายกฯ ต้องกำหนดให้ได้ในลักษณะงานที่เป็นภารกิจของตัวเอง งานที่เป็นการบูรณาการ งานที่บางสู่อนาคต รวมทั้งงานที่แก้ปัญหาในเวลานี้ ส่วนงานโครงสร้างต่างๆ ต้องไปอยู่ในแผนการปฏิรูปทุกคนจะต้องทำให้ได้ อย่างเช่น ประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ จ่อไปนี้ต้องมาคุยกันในเรื่องของงบประมาณ ถ้าทำไม่ได้มีเรื่องแน่อะไรทำได้ก็ต้องรีบทำ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยไปไม่ได้ อะไรที่วางแผนแล้วทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้า โรงขยะ ให้เซ็นรับรองไว้ด้วย ว่าใครเป็นคนที่ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ วันหน้าจะได้ไม่มาโทษผม มันต้องมีวิธีแก้ปัญหา สิ่งที่ผมทำอยู่ไม่เพื่อให้มารักผม แต่ทำเพื่อให้รักประเทศของท่าน ช่วยรักคนอื่นเขาด้วย วันนี้ทุกคนมองแต่ตัวเอง มันก็เกิดความเป็นธรรมไม่ได้ รัฐบาลนี้เข้ามาไม่ได้หวังคะแนนเสียงใดๆ แต่ต้องการทำให้คนมีความสุขท่ามกลางปัญหาที่มากมาย ซึ่งจะพยายามอย่างเต็มที่ส่วนอนาคตข้างหน้าก็ไปให้รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งเขาทำ” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลนี้เข้ามาโดยไม่ได้หวังคะแนนเสียงใดๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องการทำให้คนเขามีความสุข แต่การทำปัญหามากมายมหาศาล ซึ่งเราจะทำเท่าที่ทำได้ และในวันข้างหน้าก็ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำ โดยรัฐบาลนี้จะส่งให้ไปดูสิว่าเขาจะทำไหม ง่ายๆ แค่นี้ไปหาเสียงไปคิดมา เพิ่มรายได้วันละ 500 ขายยางกิโลกรัมละ200 นี่หรือนโยบาย หากใครพูดว่าจะใช้งบประมาณของรัฐ และหารายได้เข้าประเทศอย่างไร พัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอย่างไร จะดูแลความสงบให้ประชาชน อย่างไร นั่นแหล่ะคือการเป็นประชาธิปไตยที่ชัดเจน เขาต้องบอกว่าจะปฏิรูปอย่างไร นี่คือสิ่งที่ต้องการให้ชัดเจน ถ้าจะเลือกตั้งต้องทำแบบนี้ ไม่เช่นนั้นตนจะเข้ามาทำไม เข้ามาให้โดนด่าทุกวัน เหมือนเป็นนนทุกข์ โดนเขกหัวทุกวันตนไม่ใช่นนทุกข์ แต่เข้ามาแบ่งเบาทุกข์สุขให้กับท่าน แต่ท่านก็ย้อนกลับมาทุกวัน มันเป็นธรรมกับตนและข้าราชการหรือไม่ รำคาญก็รำคาญ แถมยังโดนด่าข้างนอกอีก ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย

“ที่ผ่านมาเราอาจจะมีการพัฒนาทางความคิดน้อยเกินไป ผมไม่ใช่คนเก่ง ไม่ได้เกเรหนักหนาสาหัส แต่ชอบคิดชอบอ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ที่เป็นสาระ ช่อง11 เป็นรายการของรัฐบาล เดี๋ยวผมจะต้องไปทำให้คนดูให้ได้ ดีทุกอย่างแต่ไม่มีคนดู รายการมีตัวอย่างการปลูกพืช ปลูกข้าว มีการพัฒนาประเทศดีหมดทุกอย่าง แต่ไม่มีคนดู ผมให้คนไปดูที่ช่อง 11 เน่า เพราะไม่มีใครไปดูแลเขา ทรุดโทรม สกปรก ผมไม่โทษท่าน ผมโทษคนกำกับดูแล ที่ผ่านมาแก้ปัญหาด้วยการของบประมาณ ขยายคน ขยายอัตรา คิดอยู่แค่นี้ งบประมาณหมดไปกับการก่อสร้างจำนวนมหาศาล สร้างตึกขยายตึก ปี 2559 ต้องไม่มีการสร้างอะไรใหม่ ให้ต่อเติมได้อย่างเดียว ไปขอรัฐบาลหน้านู่น ชัดเจนนะ ถ้าจะสร้างตึกใหม่ต้องมีแบบออกมาให้ชัดเจน โดยขอมาทาง ครม. ไม่เช่นนั้นงบประมาณจะจมไปอยู่กับเรื่องการก่อสร้างเยอะ แทนที่จะนำเงินเหล่านี้มาพัฒนาบุคลากร พัฒนาการศึกษา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สนช.ขยันขันแข็งดี ส่วนหนึ่งก็รับกฎหมายของรัฐบาลไป ส่วนที่กระทรวงเมื่อรับโจทย์ไปก็นำไปพิจารณาในที่ประชุมเพราะมีถึง 3 วาระ จะเพิ่มจะแก้อะไรก็ได้ แค่อย่าเปลี่ยนหลักการที่ตนต้องการแต่แรก จะได้จบเสียที แต่ละกระทรวงต้องประสานสนช.สปท.ให้ชัดเจน โดยผ่านวิป 3 ฝ่าย ซึ่งวิปต้องทำให้ทั้ง 5 แท่งเข้าใจกัน รู้แบบตนรู้ พูดแบบที่ตนพูด ไม่อย่างนั้นขับเคลื่อนไม่ได้ ทุกคนตั้งใจ แต่ต้องมีบรรทัดฐานเดินไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นการเลือกตั้งได้หรือไม่ได้ไม่รู้ ตนต้องการให้มีการเลือกตั้ง แล้วก็อย่ามาโทษตน การพบปะประชาชน การพบปะประชาชนต้องสร้างจิตสำนึก ความเข้าใจ แก้ปัญหาแบบเชิงบูรณาการ แบบองค์ร่วม เพราะเป็นเรื่องที่เราขาดทั้งสิ้น บทลงโทษต่างๆ มีเยอะแยะ วันนี้เพิ่มโทษขึ้นมาอีก แต่ถ้าคนไม่ดี ไม่มีจิตสำนึก คุณธรรม จริยธรรม ต่อให้มีบทลงโทษเท่าไร มันก็แก้ไม่ได้ เราต้องเน้นการปลูกจิตสำนึก และจะทำอย่างไรให้คนหยุดก่อนที่จะทำผิด ไม่อย่างนั้นคนก็ไม่กลัว สู้กันหลายศาล ฉะนั้นต้องมีการป้องกัน และป้องปราม หนัก เบา สร้างความสมดุลของกฎหมาย ความสมดุลระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน ไม่ใช่คู่ความ แค่ให้เจ้าหน้าที่ไปบังคับใช้กฎหมายให้สมดุล และลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนให้ได้ อย่าเอากฎหมายมาเป็นสาเหตุความขัดแย้ง แล้วเอากฎหมายมาสู้กัน ท้ายสุดคนยังอยู่หมด แต่กฎหมายถูกทำลายไปแล้ว หลายคดีตัดสินออกมาแล้ว ก็ไม่น่าเชื่อถือมีการวิพากษ์วิจารณ์ แล้วจะมีศาลไปทำไม ก็ไม่ต้องมีอะไร ดังนั้น อะไรจบแล้วก็ขอให้จบ อยากจะสู้อะไรก็ไปสู้กันตรงโน้น

นายกฯ กล่าวว่า ขั้นตอนการดำเนินคดีทางกฎหมายของข้าราชการและประชาชนมีความแตกต่างกัน ไม่ได้ใช้กฎหมายตัวเดียวกัน เพราะในส่วนข้าราชการและเจ้าหน้าที่มีเรื่องวินัยเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการปลด ไล่ออก ถ้าผิดก็ส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ถ้าเอาทุกส่วนมารวมกัน ก็ตีกันอยู่แบบนี้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการเลือกตั้ง ทุกคนอยากเลือกตั้ง มันอาจเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า ตนไม่รู้ ตนไม่ขัดแย้ง แต่ท่านจะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งได้คนดี มีธรรมาภิบาล ไม่ใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ต้องดีมากกว่าที่เคยมีมา คนที่เลือกเข้ามาต้องมีการกลั้นกรอง ไม่ใช่เลือกคนที่เคยเข้ามาทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาคนที่ถูกเลือกช่วยแค่เพียงบางกลุ่มเท่านั้น ทำให้ประชาชนเลือกคนพวกนี้ตลอด เพราะต้องการให้มาช่วยเขา

“สิ่งเหล่านี้ ต้องคิดให้ได้ ทำอย่างไร เลือกตั้งไปเลย ประชามติจะผ่านไหม ผมไม่ต้องการจะผ่านหรือไม่ผ่าน โดยผมสั่งหรือใครสั่ง ผมจะบ้าไปสั่งทำไมว๊ะ แล้วถ้ารัฐธรรมนูญออกมาเหมือนเดิม ไม่ต้องทำแล้ว กลับบ้านวันนี้เลย กลับบ้านให้หมด ใครอยากทำก็ทำไป เอาอย่างนั้นไหม ในเมื่อเราต้องปฏิรูปประเทศ แก้ไขความขัดแย้ง ต้องว่าอนาคตประเทศ การเลือกตั้งอย่าเข้าใจว่ามีรัฐธรรมนูญแล้วจบ สื่อบางที่ไปพาดหัวประเทศเพื่อนบ้านมีการเลือกตั้ง มีคนออกมาใช้สิทธิ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่น่ายินดีกับเขา แต่ประเทศไทยไม่รู้เลือกตั้งเมื่อไร เขียนอย่างนี้ ไม่รู้ได้อะไรขึ้นมา ถ้าจะเขียนอย่างนี้ ทำไมไม่เขียนก่อนผมเข้ามา ถ้าผมกาได้ทุกช่องผมกา แต่ผมไปทำอะไรเขาไม่ได้ เป็นพ่อผมทั้งนั้น แต่เวลาประเทศชาติเสียหายย่อยยับ ไม่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นการเลือกตั้ง ไปบอกให้ประชาชนว่าทุกคนทั้ง 50 ล้านคน ต้องลงประชามติให้หมด อย่าบอกว่าไม่ชอบแล้วไม่มา นอกจากไม่รู้ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ที่เหลืออยู่เฉยๆ แต่ต้องการเปลี่ยนแปลง ประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงให้ได้แล้วกัน และการเลือกตั้งก็ต้องออกมา จะเลือกใครหรือไม่เลือกใครก็ได้ เขามีช่องให้กา ถ้าออกมาครบ 90-100 เปอร์เซ็นต์ นี่คือ เสียงส่วนใหญ่ว่าเขาเลือกใคร แต่ถ้าเขาออกมา 20 ล้านคน แล้วบอกว่านี้คือประชาชน ตนถามว่าประชาชนตรงไหน ตอบได้ไหม ตนทำให้คน 70 ล้านคน คนที่มาใหม่จะต้องทำอย่างไร ให้ยุทธศาสตร์ชาติ คือสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะยาว ต้องเดินคู่ไปกับนโยบายพรรคส่วนที่พรรคจะหาเสียงอย่างไรแล้วแต่ท่าน ไม่ใช่พรรคนี้ทำได้ก็ทำ พรรคนี้ทำไม่ได้ก็ยกเลิก ตนไม่เคยยกเลิกสักโครงการ แต่เอามาทบทวน แล้วจะมาบอกว่าตนไปยกเลิกของเก่า แล้วทำไม่สำเร็จ ไปแกะมาดูว่าต่างกันตรงไหน ไม่ใช่รถไฟคือรถไฟ ต้องดูถึงใส้ใน อย่าไปมองแต่งบฯ ลงทุน กระทรวงคมนาคมต้องแสดงให้เห็นความแตกต่างอยู่ตรงนี้ ต้องไปสร้างความเข้าใจ อย่าให้ลงที่ตนทุกวัน

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่าน ผมมีวิธีของผม และต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เลือกตั้งได้ไม่ได้ รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่จะไปรับผิดชอบอย่างไรก็อีกที ถ้าทะเลาะกันดีนัก เลือกตั้งแล้วตีกัน ท่านก็ให้ผมเลิก ผมก็กลับบ้าน ตีกันต่อไป การเลือกตั้งจะสงบเรียบร้อย และมีเสถียรภาพ ความเข้มแข็ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในเรื่องคดีจำนำข้าวว่า คดีทั้งหมด ไม่ผ่อนผันใดๆ ทั้งสิ้น จะมาขอยืดเวลาตนไม่ให้ เพราะให้มาพอเพียงแล้วไปว่ากันมา คดีอะไรบ้างตนไม่รู้ ในเรื่องของคดีจำนำข้าวเถียงกันมาจนหัวจะผุอยู่แล้ว ต่อไปนี้ขายเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น เป็นเรื่องอะไรที่ตนต้องรับผิดชอบ ขายข้าวจะได้ราคาหรือไม่ได้ราคา ใครทำไว้ ถ้าตนเอาข้าวมาขายเยอะจะเกิดอะไรขึ้น วงจรข้าวข้างนอกก็จะเสีย ข้าวฤดูใหม่ก็จะขายไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวล เอาข้าวเสียขายให้หมด แล้วใครจะต่อต้านตน ถ้าตนให้อำนาจ เขาขายก็ต้องขาย ถ้าไม่ขายท่านก็ต้องมารับผิดชอบใช้หนี้แทนเขา ทำให้ชัดเจนขึ้น เสียเวลาไป 2 ปีแล้ว เพราะฉะนั้น ข้าวดีเก็บไว้ ข้าวเสียขายไป ถ้าขายได้น้อยเป็นความรับผิดชอบของเขา เพราะเขาเป็นคนทำ และถ้าข้าวเสียหายเพิ่มอีก ขายไม่ออกอีก ก็ประเมินไปว่ากี่เดือนก็บวกค่าความเสียหายเพิ่มเข้าไปอีก และไม่ใช่ตนรับผิดชอบ

“คิดมา 2 ปี แล้ว คิดทุกวัน ให้รับไปขับเคลื่อน ขับแล้ว ขับอีก เดี๋ยวก็ขับใหม่อีกแล้ว เดี๋ยวตั้งคณะใหม่อีกแล้ว เนี่ยรองนายกฯ มีกี่คณะ เศรษฐกิจประชารัฐมันก็ต้องขับเคลื่อนด้วยกัน ไอ้เรากำลังขับเคลื่อนประเทศ ไอ้นี่ก็มาขับไล่ใส่ส่งผม มันไปด้วยกันได้ไหมเนี่ย ไม่ได้ วันนี้ผมต้องพูดแรง เพราะผมเต็มทีแล้ว ผมไม่ใช่คนอดทนมากนัก แต่ผมก็ต้องทำในฐานะคนที่เป็นนายกฯ เขาบอกว่านายกฯ ต้องใจเย็นไม่หงุดหงิดไม่พูดมาก พูดมากมันยังไม่ฟัง” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า เวลาตนไปไหนมาไหน คนก็ชอบมาขอถ่ายรูป เพราะเขารักตน แต่เขาไม่ฟังสาระของตน จึงต้องทำให้เขาฟัง โดยการไปเจอคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่ให้เขาไปเพื่อถ่ายรูป แต่ต้องการไปให้เขาเข้าใจและเชื่อมั่นในตัวของตน และเชื่อมั่นในรัฐบาล เชื่อมั่นในข้าราชการ ซึ่งวันนี้ตนรับผิดชอบเขาด้วย สิ่งใดที่เป็นระเบียบของข้าราชการที่ต้องแก้ไข ที่ต้องปรับปรุง ก็ทำเพื่อให้ท่านปลอดภัยในวันหน้า ไม่ใช่ทำเพื่อไปลกเกรียรติของท่าน เราต้องเป็นข้าราชการที่มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี วันหน้าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ทุกอย่างก็จะกลับคืนมา เงินเดือนก็จะได้อะไรก็ดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน(กสม.) ต้องทำหน้าที่เป็นกสม.ทั้งไทยและเทศด้วย ไม่ใช่รักษาประโยชน์ให้ผู้ร้ายอยู่ตลอด มันทำความผิดก็ว่าไปสิตามความผิด แล้วเจ้าหน้าที่รัฐเขาทำงานก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขาด้วย ไม่ใช่เมื่อตัดสินไปทั้งๆที่มีหลักฐาน มีกฎหมาย ก็ยังหาว่ารังแก มันแทบจะฆ่าคนตายตรงหน้าแล้วยังไปป้องปกมันอีก ทำไมคนไทยถึงคิดแบบนี้ แล้วจะแก้ปัญหากันได้จบหรือไม่ ซึ่งต้องทำงานร่วมกัน ทั้งรัฐบาล คสช. ข้าราชการ ภาคประชาสังคม และกสม. ท่านคือผู้รับผิดชอบประเทศทั้งหมด ไม่ใช่ตน

“ไม่ใช่ว่าผมเก่งกว่าท่าน แต่ว่าผมเป็นคิดและเก็บทุกประเด็น วันนี้ผมถึงไม่ค่อยสบายเพราะโมโหนี้เหละ แล้ววันนี้จะพูดแรงครั้งสุดท้ายแล้วนะ ตั้งใจ เพราะเดี๋ยวจะปีใหม่ ปีหน้าจะให้รองนายกฯ มาดุแทน ผมก็จะยิ้มอย่างเดียว เพราะพูดมาเยอะแล้ว พูดมา 2 ปีแล้ว พูดจนลมเข้าท้องแล้ว พูดจนผอม เอาไปทำตามกันหน่อย เอาไปคิดกันหน่อย และอย่างไปสร้างความขัดแย้ง เราจะไม่แบ่งคนไทยให้เป็นซ้าย เป็นขวาอีกแล้ว เราต้องให้คนไทยมาอยู่ตรงกลางให้ได้ มากบ้าง น้อยบ้าง ช่างเขาเถอะ จะสีไหนๆ ก็เอากลับมา เพราะมันฆ่ากันไม่ได้ทั้งหมดให้กฎหมายทำงานไป จะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ถ้าไปเร่งทุกอย่างก็กลับมาที่เดิม ขอเพียงแต่เอาเข้ากระบวนการให้มันถูกต้องตามขั้นตอน” นายกฯ กล่าว และว่าเหลือเวลาอีก 1 ปี 6 เดือน อยากให้ทุกอย่างมันเดินหน้าไปให้ได้ มีแผนปฏิรูป มีรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ มีการเลือกตั้งที่ปลอดภัย ประเทศชาติเข้มแข็ง มีรัฐบาลที่เป็นธรรมาภิบาล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแห่งการเริ่มต้นของการที่เราจะเดินหน้าร่วมกันต่อไปในอนาคต ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา กระบวนการยุติธรรม กฎหมายและเรื่องที่จะต้องเป็นวาระในการแก้ไข เช่น ไอเคโอ ไอยูยู การทำประมงผิดกฎหมาย การบุกรุกป่า การจัดสรรที่ดิน ทั้งหมดต้องคิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมด

“ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งการร่วมมือ เป็นปีแห่งการร่วมรักสามัคคีไม่ขัดแย้ง เป็นปีแห่งการปฎิรูปอย่างแท้จริง เป็นปีแห่งการเริ่มต้นปฏิรูป เหลือเพียงอีก 1 ปี 6 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีโอกาสอีกแล้ว ขอบคุณทุกคน สวัสดีครับ ขอให้มีความสุข” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ 15.30 น. พล.ประยุทธ์ ได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการผลงาน 1 ปี ที่จัดแสดง และเปิดให้ประชาชนเข้าชมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ กล่าวว่า พอใจกับผลงานที่นำมาแสดงแต่ไม่ที่สุด เพราะว่ายังไม่เสร็จ

ภายหลังแล้วเสร็จการแถลงผลงาน 1 ปีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พร้อม ครม.ได้รับประทานอาหารกับสื่อมวลชนและผู้ร่วมงาน โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมรับประธานอาหาร พร้อมกับชมการแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์กองทัพบก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นเวที นำ ครม.ร้องเพลง “คืนความสุขของคนในชาติ” และเพลง “เพราะเธอคือประเทศไทย” เพลงใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนในโอกาสขึ้นปีใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือเป็นวันดี เป็นประเพณีโลก ก็อยากให้ประเทศไทยมีความสุข ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง ซึ่งต้องระวัง เจ้าหน้าที่ก็ต้องระวังด้วย วันนี้ดีใจที่เราอยู่กันมาได้ถึงทุกวันนี้อีกปีแล้ว ปี 2557-2558 เหลือปีหน้าอีกปี ก็ทนกันอีกปีกว่าๆ ก็พอไหว ขอขอบคุณข้าราชการ รัฐมนตรี รองนายกฯ ผบ.เหล่าทัพ คสช. ทั้งหมดคือกลไกแก้ปัญหาบ้านเมือง ขอบคุญสื่อ ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นศัตรูกับท่าน หนักนิดเบาหน่อยก็แหย่กันบ้าง สื่อแหย่ตนแรงกว่าอีก ตนแหย่กลับบ้างคงไม่เป็นไร ขอฝากพวกเราทุกคนให้ช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง วันนี้เป็นวันมงคล แม้ไม่มีไก่งวงมีแต่ไก่ย่าง ขอให้ถือว่าเป็นวันสำคัญของทุกคน ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของทำเนียบรัฐบาลก่อนคนอื่น เพราะเราจะต้องทำงานในช่วงปีใหม่ คงไม่ได้หยุดอะไรกันมากมาย ต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ดูแลประชาชนช่วงปีใหม่ ของคุณตำรวจ ทหาร มูลนิธิ ที่ดูแลประชาชน ขอให้กำลังใจ ในนามรัฐบาลและ คสช.ขออวยพรให้ทุกคน

จากนั้นนายกฯ ได้ลงมาทักทายข้าราชการและสื่อมวลชน โดยบอกว่า “ฉันจะสู้และแก้ปัญหาต่อไป” พร้อมร่วมยืนร้องเพลง “รางวัลแด่คนช่างฝัน” พร้อมยกมือประกอบจังหวะ ก่อนจะเดินทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พร้อม ครม.




























กำลังโหลดความคิดเห็น