“วิษณุ” เคลียร์แถลงการณ์จำนำข้าวเพื่อไทย อุ้ม “ปู” - “วรงค์” เชื่อหวังเบี่ยงเบน

“วิษณุ” เคลียร์เหตุคนเพื่อไทยโจมตี ไม่เจาะจงเร่งเอาผิดโครงการรัฐบาลในอดีต ที่ทำขาดทุน เหตุเพราะ ป.ป.ช. ชงเรื่องมายังรัฐบาล แจงเอาผิดจำนำข้าว ย้ำ ป.ป.ช. เคยเตือน แต่ รบ. ยิ่งลักษณ์ ทำเฉย ด้าน “หมอวรงค์” ย้ำไม่แปลกใจ เพื่อไทย เผย 5 ข้อ เบี่ยงเบนประเด็นหวังให้คนเข้าใจผิด

วันนี้ (22 ต.ค.) จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ ปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในคดีจำนำข้าว รวมถึงถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เหตุใดรัฐบาลไม่ดำเนินการกับโครงการที่ขาดทุนในรัฐบาลอื่น เช่น โครงการประกันราคาข้าวในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือแม้แต่การขายยางพาราแบบจีทูจีกับประเทศจีนของรัฐบาลนี้ที่ขาดทุนไปกว่า 4 พันล้านบาท แต่กลับดำเนินคดีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว เพราะ ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องมา ซึ่งรัฐบาลไม่ดำเนินการไม่ได้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ป.ป.ช. ไม่ได้ส่งมาให้รัฐบาลดำเนินการ แล้วรัฐบาลจะไปยกขึ้นมาดำเนินการก็ไม่รู้จะไปตั้งต้นจากตรงไหน ในแง่รัฐบาลก็ต้องตอบเช่นนี้

เมื่อถามว่า รัฐบาลก็ต้องดูว่าแต่ละโครงการที่ผ่านมาทำถูกต้องหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิดู ส่วนคดีใดที่ดำเนินการมาโดย ป.ป.ช. และเมื่อศาลตัดสินให้แพ้ รัฐบาลปลอดภัย แต่รัฐบาลและป.ป.ช. เมื่อได้สั่งอะไรไปแล้วไม่ทำ ปล่อยให้คดีหมดอายุความ ถ้าเป็นเช่นนั้นรัฐบาลจะผิด ที่เล่นงานเรื่องจำนำข้าวทุกวันนี้ เพราะ ป.ป.ช. เขาเคยบอก และเตือนรัฐบาลในขณะนั้นมาแล้ว และไม่ใช่เพราะรัฐบาลในขณะนั้นยังเพิกเฉยหรอกหรือ มันถึงได้มีเรื่องอยู่

ส่วนที่เพื่อไทยระบุถึงการไม่ได้รับความเป็นธรรม ในกรณีจำนำข้าว เพราะเป็นนโยบายที่ได้หาเสียง และแถลงต่อรัฐสภา จึงไม่สามารถนำมาประเมินผลกำไรขาดทุนจากโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็รับทราบ ส่วนจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ไม่ได้เป็นกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นไปตามคาดที่เขาจะต้องออกมาตลอด เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นให้คนเข้าใจผิด ทั้งนี้ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยพยายามเบี่ยงเบน คือ

1. อ้างว่า ต้องการช่วยเหลือชาวนา 3.7 ล้านครัวเรือน เป็นไปตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ตนคิดว่าการช่วยชาวนา ไม่มีใครว่า แต่การดำเนินนโยบายที่นำไปสู่การทุจริตเพื่อประโยชน์พวกพ้อง และเครือข่ายต่างหากที่คนไทยไม่ยอม และที่อ้างว่า ช่วยชาวนา 3.7 ล้านครัวเรือน ก็ไม่จริง เพราะทำจริงมีชาวนาเข้าร่วมประมาณ 2.2 ล้านครัวเรือน ชาวนาที่เข้าร่วมได้น้อยกลับเป็นชาวนาภาคอีสานที่ยากจนอยู่แล้ว

2. อ้างว่า โครงการจำนำข้าว เป็นสัญญาประชาคมจากการเลือกตั้ง และแถลงผ่านรัฐสภา ในความเป็นจริงหลายนโยบายที่ไปไม่รอด หรือเสียหาย รัฐบาลก็เคยยกเลิก เช่น นโยบายยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน นโยบายบริหารจัดการน้ำ แต่จำนำข้าวนั้นสร้างประโยชน์ให้แก่เครือข่ายตนเอง ตลอดจนหวังแต่คะแนนเสียง จนไม่คำนึงถึงความเสียหายของชาติ

3. พยายามชี้ให้เห็นว่า เป็นนโยบายสาธารณะที่ต้องการยกคุณภาพชีวิตคนยากจน ถือเป็นความจำเป็นที่รัฐบาลต้องจ่ายไม่ควรคิดเป็นกำไร ขาดทุน พยายามโยงไปถึงโครงการประกันรายได้ จ่ายเงินช่วยคนชรา การรักษาพยาบาล การที่พรรคเพื่อไทยพูดแค่นี้ก็ถูกอีก การที่รัฐบาลจะช่วยประชาชน จำเป็นต้องตั้งงบประมาณจ่าย แต่เขาไม่อนุญาตให้มาหากิน หรือทุจริตกับนโยบาย เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำ กลายเป็นเอาชาวนามาอ้างบังหน้า แต่สุดท้ายเป็นช่องทางทำมาหากินของเครือข่ายตนเอง ไม่สนใจที่ประเทศชาติจะเสียหาย

4. พยายามชี้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ จ่ายตรงถึงมือชาวนาโดยไม่มีการรั่วไหล ตนมองว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะรู้ว่า ตอนชาวนาถูกเอาเปรียบเขาทำกันอย่างไร ชาวนาแต่ละรายได้เงินจริงเกวียนละเท่าไร ที่สำคัญ อ้างว่า ยังมีข้าวที่ชาวนานำมาจำนำเก็บไว้ในสต๊อก สามารถนำข้าวดังกล่าวไปขายในตลาดโลก ทำให้รัฐบาลมีรายได้มากขึ้นจากการเป็นผู้ส่งออกข้าวในอันดับสูงต้น ๆ ของโลก ตนคิดว่าข้อความนี้น่าอายมาก เพราะลำพังการระบายข้าวจีทูจี พรรคเพื่อไทยยังไม่กล้าพูดถึง รวมทั้งเป็นที่รับรู้กันทั้งประเทศว่า ในระหว่างดำเนินโครงการ ยอดส่งออกข้าวของไทยหล่นมาอยู่อันดับสาม แม้แต่กระทรวงการคลังขณะนั้น ก็ยังมีหนังสือออกมาว่า โครงการนี้เกิดประโยชน์แก่ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่น ตนเชื่อเลยว่า การที่มีข้าวอยู่ในมือรัฐบาล คือ หัวใจสำคัญมาก เพราะรัฐบาลสามารถแสวงหาผลประโยชน์ได้เต็มที่จากการระบายข้าว

5. พยายามชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ดำเนินการมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง การพูดแบบนี้พรรคเพื่อไทยน่าจะไปดูคลิปคำสัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อการระบายข้าวจีทูจี ที่ออกมาปกป้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จึงไม่แปลก เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับรู้เรื่องการระบายข้าวจีทูจี และออกมาปกป้อง ทำให้อัยการสูงสุด (อสส.) เพิ่มข้อหาปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ยังไม่นับรวมการจัดทำข้าวถุงที่อ้างว่าจะช่วยคนจน ราคาถุงละ 70 บาท แต่สุดท้ายกลายเป็นเอาคนจนมาอ้าง แต่หมุนข้าวไปทำอย่างอื่น และที่สำคัญกรณีคุณภาพข้าวในโกดัง ก็พยายามออกมาปกป้องว่าข้าวมีคุณภาพดี แต่สุดท้ายก็ถูกออกตีแผ่โดยการตรวจของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า มีข้าวเหลือง ข้าวเน่า รวมทั้งนั่งร้านซุกในกองข้าว พรรคเพื่อไทยจะว่าอย่างไร

6. พยายามที่จะชี้ว่าคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในชั้นตรวจสอบพยานหลักฐาน ยังไม่ได้เริ่มต้นสืบพยานเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเร่งรัดหาทางในการดำเนินคดีแพ่ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวพรรคเพื่อไทยก็น่าที่จะรู้ว่า อายุความในการเรียกค่าเสียหาย ตาม พ.ร.บ. รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐอายุความสองปี หรือจะให้รอหมดอายุความ