“วัลลภ” กระทู้จี้รัฐบาลจัดการโฆษณาประกันชีวิตผู้สูงอายุเกินจริง หลอกลวงประชาชน ด้าน “วิสุทธิ์” แจง คปภ.จับมือ สคบ.-สมาคมหาทางออก พร้อมแนะออกแบบใบปะหน้าเสนอผู้ซื้อประกันก่อน
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. กระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเรื่องปัญหาบริษัทประกันภัยโฆษณาเกินจริง หรือปิดบังข้อเท็จจริง ว่าการที่บริษัทประกันภัยบางแห่งโฆษณาตามสื่อต่างๆ มีลักษณะโฆษณาเกินจริงหรือปิดบังข้อเท็จจริง สร้างความเข้าใจผิดให้แก่ผู้บริโภค เช่น การใช้คำว่าไม่ต้องตรวจสุขภาพหรือไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ แต่มีปัญหาหลายกรณีที่เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตลงไปกลับถูกบริษัทประกันบอกล้างสัญญา เนื่องจากผู้ทำประกันมีสุขภาพไม่สมบูรณ์มาก่อน พร้อมคืนเงินค่าเบี้ยประกันที่เคยจ่ายมาแล้วและปฏิเสธความรับผิดชอบตามสัญญาประกันภัน การโฆษณาดังกล่าวถือเป็นการทำผิดจรรยาบรรณ แต่มีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อหวังผลทางการค้า แต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงอยากถามว่ารัฐบาลมีนดยบายหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหาโฆษณาเกินจริงอย่างไร
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลังชี้แจงว่า กล่าวว่า ธุรกิจประกันภัยได้แตกแขนงเป็นหลายอย่างทั้งประกันภัยแบบคุ้มครองอย่างเดียว คุ้มครองบวกสะสม และแตกหน่อเป็นผลิตภัณฑ์มากมายเป็นยูนิตลิงก์ และที่ยอดนิยมที่ผ่านมาคือประกันภัยผู้สุงอายุ ซึ่งการประกันภัยทั่วไปกับการประกันภัยผู้สูงอายุมีความแตกต่างกัน โดยกรมธรรม์ทัวไปสามารถทำได้ตั้งแต่แรกเกิด การพิจารณาทำประกันมีทั้งแบบตรวจสุขภาพและไม่ตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเอาประกันและแบบผลิตภัณฑ์ ดังนั้นการให้ข้อมูลในคำขอประกัน ผู้ขอประภันจะต้องแถลงข้อมูลและข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน โดยความสุจริตเป็นเรื่องสำคัญ จะเป็นเกราะกำบังเมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องการเคลม ขณะที่ผู้ขายประกันนอกจากเป็นมืออาชีพแล้ว จะต้องมีความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม
สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ที่มีการร้องเรียนกันตนได้สอบถามไปยังผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ (คปภ.) เป็นเรื่องผิดพลาดคลาดเคลื่อนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผู้ซื้ออายุไม่ถึงเกณฑ์ทำแบบผู้สูงอายุได้จะต้อง 50 ปีขึ้นไป แต่ผู้ทำอายุแค่ 47 ปี ซึ่งทราบว่าทำประกัน 3 เดือนต่อมาก็เสียชีวิตก็ยังไม่สามารถเคลมได้ เพราะจะสามารถเคลมเบี้ยประกันภัยได้ต่อเมื่อพ้น 2 ปีไปแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายหากมาศาลก็ถือว่ามือไม่สะอาดทั้งคู่ ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินการของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง คปภ. สคบ. และสมาคมประกันชีวิต
นายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ได้รับรายงานจาก คปภ.ว่าตั้งแต่ได้รับเรื่องร้องเรียนมา ทาง คปภ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงไปตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก โดยไม่พบว่ากรมธรรม์มีข้อบกพร่องหรือไม่ชัด แต่เป็นเรื่องของการโฆษณา หรือเรื่องกระบวนการขาย และที่สำคัญคือการรับรู้ของผู้ซื้อ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้างต้นได้มีการหารือเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการประกัยภันแบบผู้สูงอายุ เช่น รูปแบบของกรมธรรม์อาจแยกแยะไม่ได้ หรือสาระสำคัญมีการแจ้งให้ฝ่ายผู้ซื้อได้รับทราบชัดเจนหรือไม่ เช่นไม่ต้องแถลงสุขภาพ ใช้สิทธิเคลมได้ในกรณีอุบัติเหตุหรือเจ็บปวยเมื่อไหร่.อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่รับรู้ทั่วไปว่า แม้ว่าคนที่มีความรู้ คุณวุฒิ วุฒิภาวะ ตนก็ไม่คิดว่ามีสักเท่าไหร่ที่อ่านกรมธรรม์ได้ครบถ้วน ตัวหนังสือก็เล็กอยู่แล้ว ตนได้แนะนำไปว่าน่าจะสรุปสาระสำคัญที่เป็นปัญหาฟ้องร้องบ่อยๆให้ออกมาเป็นใบปะหน้าเพื่อให้ผู้ซื้อได้รับทราบก่อนการเสนอซื้อเสนอขาย คิดว่าจะมีผลในทางปฏิบัติได้มากพอสมควร
ทั้งนี้ นายวัลลภกล่าวฝากว่า อยากให้มูลนิธิคุ้มครองผู้เบริโภคซึ่งมีข้อมูลในเรื่องนี้มากไปร่วมเป็น 4 ฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยอยากให้ดูโฆษณาด้วยว่าอะไรที่เกินไปก็รีบยับยั้งและกำหนดโทษ เพราะถือว่าเข้าข่ายโฆษณาที่หลอกลวงเป็นหน้าที่ คปภ.จะต้องเร่งรัดให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม กรณีที่ตนยกมากับที่รัฐมนตรีได้ชี้แจงเป็นคนจะกรณี เพราะกรณีของตนเป็นเรื่องของผู้สูงอายุรายหนึ่งทำกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งตัวแทนผู้ทำประกันว่ายืนยันว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ แต่ต่อมาผู้สูงอายุเกิดสดุดขาล้มเสียชีวิต แต่เมื่อเคลมประกันบริษัทไม่ยอมจ่ายให้ โดยอ้างเป็นโรคประจำตัวผู้ป่วยเอง บุตรสาวผู้เสียชีวิตร้องขอความเป็นธรรม แต่บริษัทผู้เอาประกันไม่ยอมเจรจา จึงได้ดำเนินการแจ้งความฟ้องร้องกันอยู่ กรณีนี้สะท้อนให้เห็นเรื่องของการโฆษณาเกินจริงหรือหลอกลวงประชาชนมีผลต่อจิตวิทยาสูงมาก ดังนั้นจึงฝากรัฐมนตรีด้วย