คปภ.ถกสมาคมประกันชีวิตแก้ปัญหาแบบประกันสูงวัย ระบุมติเบื้องต้นเน้นเพิ่มความเข้าใจประชาชน และการตรวจสอบมากขึ้น พร้อมขอความร่วมมือเร่งแก้โฆษณาเพื่อความชัดเจน ขณะเดียวกันเตรียมสุ่มขายประกันทางโทรศัพท์เป็นไปตามเงื่อนไข คปภ.หรือไม่
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาทาง คปภ.ได้เชิญสมาคมประกันชีวิตไทย โดยนายสาระ ล่ำซำ (นายกสมาคมประกันชีวิตไทย) และหม่อมหลวง จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ (อุปนายกฝ่ายการตลาด) รวมทั้งผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาหารือร่วมกับคณะผู้บริหารของสำนักงาน คปภ. ในการบูรณาการแนวทางในการเสริมสร้างความเชื่อมั่น ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากการประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกรมธรรม์อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มุ่งเน้นเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่กลุ่มผู้เอาประกันภัยที่เป็นผู้สูงอายุและครอบครัว ให้ได้รับความช่วยเหลือเยียวยาหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันประชาชนจำนวนมากยังคงมีความเข้าใจสับสนระหว่างการประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุ และการประกันชีวิตแบบทั่วไปที่ให้ความคุ้มครองคล้ายแบบผู้สูงอายุแต่มีเงื่อนไขต่างๆ ที่แตกต่างออกไปทำให้เกิดปัญหาร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง
“ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนหลายกลุ่มได้ดี แต่เนื่องจากมีปัจจัยที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบทั่วไปและแบบผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและต่อระบบประกันภัยของไทย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการโฆษณาของบริษัทประกันภัย การให้ข้อมูลของตัวแทนประกันชีวิต รวมถึงความรู้ความเข้าใจของผู้บริโภคเอง จึงทำให้เกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แนวทางการแก้ไขปัญหาจึงควรเป็นแบบบูรณาการร่วมกันเพื่อให้แก้ปัญหาเป็นระบบแบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสำคัญ” เลขาธิการ คปภ.กล่าว
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า สำหรับผลการประชุมนั้น ในเบื้องต้นที่ประชุมมีมติให้บูรณาการการดำเนินการดังนี้ 1. เร่งออกคำสั่งนายทะเบียนให้มีการแก้ไขแบบและข้อความ รวมถึงเอกสารประกอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุ ให้สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างกรมธรรม์แบบทั่วไปกับแบบผู้สูงอายุได้อย่างชัดเจน 2. ตั้งคณะทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทยจัดทำ “คู่มือประชาชน” เพื่อให้ความรู้ในเรื่องนี้แก่ประชาชนในวงกว้าง 3. ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพการขายประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุว่าเป็นไปตามประกาศ คปภ.หรือไม่ โดยการสุ่มตรวจทางโทรศัพท์เป็นระยะๆ
นอกจากนี้ ยังได้มีการขอความร่วมมือสมาคมประกันชีวิตไทย ได้แก่
1. ให้ปรับแก้ไขโฆษณาประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุเพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่เกิดความสับสน รวมทั้งให้ระบุข้อความให้ชัดเจนว่า กรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยผู้เอาประกันจะได้รับเงินตามจำนวนที่เอาประกันภัยเมื่อพ้นระยะเวลา 2 ปีไปแล้ว
2. ให้ทางบริษัทประกันชีวิตปรับแก้รูปเล่มกรมธรรม์และใบคำขอเอาประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุให้แตกต่างจากกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไป
3. ในการจัดทำใบสรุปสาระสำคัญและข้อยกเว้น ให้ใช้ถ้อยคำที่เข้าใจง่ายและมีความชัดเจน
4. หลังการขายประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุ ให้บริษัทประกันชีวิตโทรศัพท์ตรวจสอบความถูกต้องของกรมธรรม์ (Confirmation Call) เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างบริษัท กับผู้เอาประกันชีวิต ว่าได้ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุตรงตามความต้องการหรือไม่ ซึ่งหากเงื่อนไขความคุ้มครองไม่ตรงตามที่ต้องการ ผู้เอาประกันชีวิตสามารถบอกเลิกสัญญาได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับกรมธรรม์หากซื้อผ่านตัวแทนประกันชีวิต หรือภายใน 30 วันหากซื้อกรมธรรม์ผ่านทางโทรศัพท์
5. ให้บริษัทประกันชีวิตควบคุมคุณภาพในการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในช่องทางที่บริษัทขาย ตั้งแต่ต้นกระบวนการ ทั้งการคัดกรองตัวแทน/นายหน้าประกันภัยที่มีคุณภาพ ฝึกอบรมเพิ่มองค์ความรู้ให้แก่ตัวแทน/นายหน้าประกันภัยที่เป็นผู้เสนอขาย รวมถึงติดตาม ตรวจสอบคุณภาพการเสนอขายอย่างต่อเนื่อง
6. ในกรณีที่มีการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุนแบบ universal life และแบบ unit-linked ให้กำชับบริษัทประกันชีวิตปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ประกาศ คปภ.กำหนด เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
“ปัจจุบันสังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุมีความตื่นตัวในการทำประกันชีวิตเพิ่มมากขึ้น สำนักงาน คปภ.จึงได้มีการเน้นย้ำให้บริษัทประกันชีวิตทุกบริษัทดูแลเรื่องการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คปภ.กำหนด รวมทั้งให้สมาคมประกันชีวิตไทยหาแนวทางการกำกับดูแลกันเอง (self-regulating) ให้เกิดประสิทธิภาพ ในเรื่องการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186”นายสุทธิพลกล่าว