นายกรัฐมนตรีชี้แจงอยู่ระหว่างศึกษาร่วมทีพีพี รับกังวลผลการประเมินการบินของเอียซา แต่จะแก้ให้ดีที่สุด เปิดทาง “ภุชงค์” ร้องความเป็นธรรมถูก กกต.เลิกจ้างมาตามช่องทาง ชี้ไม่เกี่ยวใช้งบไม่โปร่งใส ยืนยันยังไม่ปรับ ครม. ชี้ถึงทำเรื่องทุจริตอุทยานราชภักดิ์ก็ไม่จบ ซัดมีคนพยายามโยงทุกเรื่องกลบข่าวจำนำข้าว ท้าเร่งสองคดีดูว่าใครจะเดือดร้อนมากกว่า ย้อนถามสื่อมีหัวหน้า-คอลัมนิสต์ดอดกินข้าวกับใคร สั่งจับมือโพสต์ผังโกงราชภักดิ์เอง ไม่ห่วงหลังบ้านถูกโยง เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ไม่เดือดร้อน ก่อนมีลูกอ้อน ขาดนักข่าวจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่พิจารณาเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ว่ากำลังอยู่ในระหว่างศึกษา ใช้เวลา 1 ปี แต่แนวโน้มไม่ได้ตัดว่าจะร่วมหรือไม่ ต้องไปดูว่าหากเข้าร่วมแล้วจะได้เสียอย่างไร หากไม่ร่วมแล้วจะได้เสียอะไร มันมีทั้งได้และเสีย หากวันหน้าเขาไปกันหมดแล้วเราตกขบวน จะทำอย่างไร วันนี้ไม่ได้ วันหน้าก็ไม่ได้ คนละกลุ่มกัน ผูกพันกันอย่างไรทั้งทีพีพี การเจรจาเปิดเสรีในกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาเซป) เยอะไปหมด มันเป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ตามที่มหาอำนาจกำหนดอย่างนี้ เราอยู่คนเดียวไม่ได้แน่นอน ต้องรีบทำให้เขายอมรับให้ได้ว่าบ้านเมืองเราเปลี่ยนแปลง หากกลับไปที่เดิมก็อยู่กันลำบาก
เมื่อถามว่า กังวลถึงผลการประเมินของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซา) ที่กำลังจะถึงนี้แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กังวล ไม่ใช่เราประเมินเองเขาประเมิน กังวลทุกเรื่อง แต่อย่าลืมว่าปัญหาทั้งหมดมันมีความบกพร่องมาทั้งสอง-สามร้อยข้อ มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เราก็ค่อยๆ แก้มา จน 35 ปัญหาเราก็แก้ แต่บางปัญหามันแก้ไม่ทัน มันหมักหมม การตรวจสอบ การกำหนดมาตรฐาน คนของเราไม่พอ แต่มีสายการบินเพิ่ม ใครทำ มันต้องฝ่ายบริหารทั้งหมดนั่นละ ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาแก้เสียเวลา ประเทศจะเดินหน้าต้องมาแก้ข้างหลังนี่ด้วย ทั้งเดินหน้า ทั้งดึงขาตลอด จะเดินไป 3 ก้าวต้องถอย 2 ก้าว มาแก้ปัญหา มันเลยช้า เวลาก็มีจำกัด แต่จะทำให้ได้มากที่สุด
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเลิกจ้างนายภุชงค์ นุตราวงศ์ พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ กกต. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หากนายภุชงค์จะร้องขอความเป็นธรรมก็ร้องเรียนโดยการทำหนังสือขึ้นมาตามช่องทาง ซึ่งที่ผ่านมามีหลายเรื่องขอความเป็นธรรมมา ตนก็ให้คณะกรรมการไปตรวจสอบความถูกต้อง หลายอย่างเป็นเรื่องการประเมินก็มาชี้แจงให้ชัดเจนขึ้น ถ้าเป็นในส่วนของข้าราชการ แต่กรณีนายภุชงค์ เป็นการจ้าง ถ้าประเมินแล้วไม่ผ่านก็จ้างต่อไม่ได้ ต้องไปดูว่าไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินเพราะอะไร ทำงานได้หรือไม่ได้ ดีหรือไม่ดี แต่ไม่ใช่เป็นการรังแกกัน โดยตนแทบไม่เคยได้เจอนายภุชงค์ และคุยกันนานๆ เสียที เจอแว้บๆ ก็รู้จัก
เมื่อถามว่า นายภุชงค์ให้เหตุผลการขอความเป็นธรรมโดยอ้างว่า กกต. ใช้งบประมาณไม่โปร่งใส จนกระทบการทำหน้าที่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ยุ่งกันไปหมดทุกวัน สรุปว่าทุจริตเกือบทุกหน่วยงานหรืออย่างไร ตนไม่รู้ เดี๋ยวไปร้องเรียนเข้าช่องทางมา เสนอร้องทุกข์กล่าวโทษเข้ามา
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่า “ยังหรอก ยังไม่มีข่าว มาจากไหน” เมื่อถามว่า อาจจะเชื่อมโยงเกี่ยวกับปัญหาโครงการอุทยานราชภักดิ์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าไปให้ความสนใจมากนัก อย่าไปเชื่อเขาบิดเบือน เขาสร้างจนสื่ออินไปกับเขาแล้ว เขาต้องการอะไรจนวันนี้ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวหายไปแล้ว สื่อถามเรื่องจำนำข้าวบ้างสิ แล้วตนจะตอบให้ ถ้ามันไม่ทันใจเดี๋ยวจะเล่นมันทั้งคู่ ดูซิใครมันจะเดือดร้อนกันบ้างไหม
เมื่อถามว่า แล้วว่าจะยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ปรับ ยังไม่ปรับ ไม่ปรับ ปรับเมื่อไรไม่รู้ อยากจะปรับก็จะปรับ แต่ยังไม่อยากปรับในตอนนี้ แล้วทำไมจะต้องปรับล่ะ ปรับผมออกดีกว่ามั้ง” เมื่อถามย้ำว่า แต่มีการพยายามคิดและเชื่อมโยงว่าจะแก้ปัญหาโครงการอุทยานราชภักดิ์ ด้วยวิธีการปรับ ครม. อาจจะเป็นทางออกที่ดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าปรับแล้วจะแก้ได้หรือเปล่าหล่ะ ตราบใดที่ผลการสอบสวนยังไม่ออกมาชัดเจน มันแก้ได้หรือไม่ล่ะ เดี๋ยวมันก็ไปเรื่องอื่นอยู่ดี สื่อก็รู้คำตอบอยู่
เมื่อถามว่า แม้จะแก้ไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็อาจจะลดกระแสลงได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดี๋ยวเราไปปลุกกระแสโครงการรับจำนำข้าวมาสู้กัน สื่อไปปลุกขึ้นมาสิ ในเรื่องของการตรวจสอบการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์นั้นขอให้ใจเย็นๆ แล้วจะหาว่าตนเองปิดบังตรงไหน วันนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ก็ไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตนเองก็ไม่ได้ปกปิดอะไรเลย ทุกอย่างเมื่ออยู่ในระบบก็ปล่อยให้เป็นไปตามระบบ
เมื่อถามว่า หมายถึงว่าขณะนี้รัฐบาลจะเร่งสรุปคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวใช่หรือไม่ เพราะจะหมดเวลาการขยายการตรวจสอบข้อมูลในสิ้นเดือนนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนยังไม่ได้บอกว่าจะเร่งเป็นการพูดให้ฟัง ส่วนเรื่องของระยะเวลานั้นเขามีการกำหนดอยู่อย่างชัดเจน มีคนทำอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ที่ผ่านมาก็ให้โอกาสแล้ว ให้หาพยานเพิ่มมา 40-50 คน จะเอาอีกเท่าไหร่ อีก 500 ปากเลยหรือ เวลามีเท่านั้น คนมีเท่านั้น ก็ถือว่าให้โอกาสแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้รังแกอะไรใคร แล้วเรื่องอะไรที่จะเอาเรื่องนี้เรื่องนั้นมาเชื่อมโยงกันหลายเรื่อง ก็สามารถดูได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งต่างประเทศ การเมือง บรรดาทูตต่างๆ วุ่นกันไปหมด แล้วสื่อจะไปขยายความให้เขาทำไม ก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว
“เจ้านายคุณทุกหนังสือพิมพ์นั้นแหละ ไปนั่งกินข้าวกับเขาอยู่หรือเปล่า ผมถามเฉยๆ เดี๋ยวจะหาว่าผมไปหมิ่นประมาทเขาอีก หัวหน้า คอลัมนิสต์อาวุโสต่างๆ ไปกินข้าวกับเขาอยู่หรือเปล่า ข่าวอย่างนี้ไปหามาบ้าง วันหลังสื่อถามอะไรผม ผมก็จะถามอะไรท่านบ้างดีกว่าเกี่ยวกับเรื่องกิจการสื่อ ตอนนี้กำลังปรับปรุงเรื่องภาษีอยู่ เสียให้ถูกก็แล้วกัน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของการทุจริตโครงการอุทยานราชภักดิ์ ตนก็รู้อยู่แล้วว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขาก็จะเข้ามาตรวจสอบ ก็ไม่ได้ไปห้ามอะไร ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันมาตลอด ฝ่ายตรวจสอบก็ต้องมีการวางแผน ใครจะเข้ามาตอนไหนหน้าที่ของใครไม่ใช่เข้ามามะรุมมะตุ้มกันหมด
เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าถ้าผลสอบออกมาแล้วเรื่องมันจะยุติทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ประเมิน ส่วนจะจบหรือไม่ก็ไม่รู้ ยังไม่รู้ผลจะออกมาอย่างไร แต่ส่วนตัวก็คิดว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ไม่จบหรอก จะจบได้อย่างไรเพราะใครที่ทำให้มีเรื่องวุ่นวายอยู่ขณะนี้ พวกไหน ถ้าจะให้จบเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ต้องมา
เมื่อถามว่า ถ้าปัญหาไม่จบนายกฯ จะรับมืออย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องมารับมืออะไร ก็รับมือด้วยกฎหมาย ตนจะไปรับมือ จะไปสู้อะไรกับเขาได้ เขามีเงินทองกันมหาศาลทั้งนั้น แล้วสื่อไม่คิดจะช่วยตนกันบ้างหรืออย่างไร จะให้ตนรับมือคนเดียวหรือ ให้แบกรับประเทศนี้คนเดียวหรืออย่างไร สื่อตั้งคำถามแต่กับผมว่าจะทำอย่างไรแก้ปัญหาอย่างไร แต่ไม่เคยบอกว่าจะร่วมมือด้วยจะสร้างความเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้ปัญหามันเยอะ ต้องแก้ให้ถูกจุด แล้วถูกช่องทางขอร้องให้ใจเย็นๆ มันมีหนทางอยู่แล้วความเป็นไปโชคชะตาฟ้าดินมันมีหมด
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่จับกุมผู้เผยแพร่แผนผัง “เปิดปมการทุจริตอุทยานราชภักดิ์” ได้แล้วว่า ตนรู้อยู่แล้ว เพราะเป็นคนสั่งเขาจับเอง ทำไม แล้วจะยังไง เขาจับมาแล้วมีตัวมีชื่อ มีรูปหน้า มีบัตรประชาชน กำลังสอบว่าโยงไปถึงใคร สำหรับเหตุผลในการโพสต์ดังกล่าวก็ยังไม่รู้ เขากำลังสอบ เบื้องต้นผู้ถูกจับบอกว่าไม่รู้ รับจากคนอื่นมา พูดทำนองนี้ตลอดพวกนี้ แต่มันโพสต์จังเลย ทุกที ทำไมต้องส่ง ตนก็ไม่เข้าใจ ซึ่งเมื่อเห็นแล้วก็โมโห มันไม่ใช่เรื่อง
เมื่อถามว่า เป็นห่วงจิตใจคนหลังบ้านหรือไม่ที่ถูกพาดพิงในแผนผังด้วย นายกฯ กล่าวว่า จะไปโยงใยอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องจริงเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไร อย่าไปยุ่งกับทุกเรื่อง ถ้าเรามั่นใจว่าเราทำในสิ่งที่ดีแล้ว และไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาว่ามามันก็ต้องทำใจให้สบาย ต้องไปว่าคนทำ เดี๋ยวก็หาว่าตนไปรังแก ละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย อย่างนั้นก็เตลิดกันไปให้หมดแล้วกัน อยากจะด่าว่าใครก็เขียนลงมา
รายงานข่าวแจ้งว่า การให้สัมภาษณ์ในวันนี้ของนายกฯ มีท่าทีที่อารมณ์ดีขึ้นกว่าการแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (8 ธ.ค.) โดยภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สองสามวันนี้ตาช้ำหมดแล้วเพราะเวลาคิดมากแล้วปวดลูกตา จำหน้าใครไม่ค่อยได้ มองใครแล้วเห็นเป็นศัตรูหมด แต่ความจริงจำได้ทุกคนแหละ พอได้พูดก็หายเครียด ถ้าไม่มีนักข่าวก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง เพราะไม่มีที่ระบาย ที่พูดไปก็แบบนี้ก็คลื่นไส้นะ