นายกรัฐมนตรีแนะอย่าสร้างความตื่นตระหนกข่าวไอซิสมาไทย ถ้ามั่นใจระบบรักษาความปลอดภัยเข้มแข็งก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ประชาชนต้องช่วยกันมอง ปล่อยให้ตำรวจ ทหารดูแลอย่างนี้ไม่ได้ เตือนอย่าไปชักศึกเข้าบ้าน กังขาเอกสารหลุดมายังไง เตรียมหาต้นตอคนปล่อย เหน็บสื่อชอบเอาออกมา สายลับเยอะ ว้ากจะเอามาโยง “ไมซาเราะห์” ทำไม โยงกันจนอยู่ไม่มีความสุข ถามกลับใครจะเล่นงานรัฐบาล-ไม่ชอบขี้หน้าตน ย้ำไม่น่ารักสำหรับคนขายชาติ ยังไม่ได้รับรายงานผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค ฟอรัม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเอกสารลับของตำรวจสันติบาล ที่มีคำสั่งให้ติดตามพฤติกรรมของชาวต่างชาติ ตามที่หน่วยข่าวกรองของรัสเซียให้เฝ้าระวังติดตามกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส ที่เข้ามาในประเทศไทยว่า ยังคงตรวจสอบอยู่ โดยให้กระทรวงกลาโหม (กห.) และนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตรวจสอบ โดยนายสุวพันธ์รายงานว่า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอส และกำลังตรวจสอบดูว่าเอกสารดังกล่าวนั้น มีที่มาอย่างไร แต่ข้อสำคัญคืออย่าไปสร้างความตื่นตระหนกเพิ่มขึ้นอีก ถ้าเรามั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยของเรา เรามีการเฝ้าระวัง ดังนั้นเราต้องช่วยกัน เพราะไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามาหรือไม่มี แต่ถ้าเราสร้างความเข้มแข็งร่วมกันก็ไม่ต้องกลัวอะไร ขึ้นอยู่ที่พวกเรา 70 กว่าล้านคนทุกคน ซึ่งจะดูแลกันเองไม่ได้หรือ เจ้าหน้าที่เราต้องเข้มแข็ง สังคมเราเองก็ต้องเข้มแข็ง เรื่องอะไรที่เป็นปัญหาอยู่ ก็ว่าไปตามกระบวนการ
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องให้ความสำคัญกับการเดินหน้าประเทศ ความอันตราย ความรุนแรง เกิดขึ้นได้ทุกที่ในโลก จะมาหรือไม่มา จะมีข่าวหรือไม่ ไม่มีทางที่เราจะรู้ได้ เพราะถ้าเกิดว่ารู้ว่าจะมา แต่เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะเกิดขึ้นที่ใด ก็ต้องไปหากันอีก หาแล้วจะทันการก่อเหตุหรือเปล่า
“ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันมอง พื้นที่ของตัวเอง บ้านของตัวเอง ดูซอกซอยว่าคนเหล่านี้ที่มานั้นประหลาดประหลาดหรือเปล่า มีพฤติกรรมลับลับล่อหรือเปล่า แล้วรีบแจ้งตำรวจ ทำแบบนี้เดี๋ยวก็เจอ มาเท่าไรก็เจอหมด จับได้หมด แต่ถ้าเกิดแล้ว บอกไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดได้อย่างไร เป็นหน้าที่ของตำรวจทหารอย่างนี้ไม่ได้ เพราะต่างประเทศเขายังไม่รู้เลย อย่างประเทศที่เกิดเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเขาเก่งกว่าเรา แต่เขาก็ยังป้องกันไม่ได้เลย วันนี้เลยลำบากทั้งหมด ทั้งการท่องเที่ยว การค้า ดังนั้นจะต้องแข็งแรง ช่วยกันหาความร่วมมือ สตรอง ทูเกเตอร์ (Strong Together)” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า การติดตามตัวไอเอสไม่ใช่เรื่องง่ายใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ว่าจะหาง่ายๆ เพราะมีการขยายตัวขึ้นทุกวัน เพราะมีข่าวว่าหลายประเทศก็เข้าร่วมกับไอเอส ซึ่งมีจากทุกประเทศแต่ไม่ใช่ไทย อย่าไปชักศึกเข้าบ้าน เพราะถ้ามีก็ต้องเจอ ประเด็นสำคัญคือเราต้องรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวกำลังเกิดขึ้น เหล่านี้จะดีกับประเทศ ใน 3-4 ปีข้างหน้า เพราะเราจะเป็นประเทศที่มีเงินทองมากขึ้น แต่วันนั้นตนคงไม่อยู่แล้ว
เมื่อถามถึงเอกสารที่หลุดออกมา นายกฯ กล่าวว่า 1. คือเอกสารจริงหรือเปล่า 2. หลุดมาจากที่ใด เพราะมีระเบียบและกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะเอกสารลับจะออกมาไม่ได้ เพราะมีมาตรการในการรักษาความลับ เอกสารราชการนั้น มีตั้งแต่ลับ ลับมาก ลับที่สุด ปกปิด แต่เอกสารเหล่านี้ชอบออกมา นักข่าวเองก็ไม่รู้ว่าใครได้มา ได้จากที่ไหน ใครเป็นคนเอาออกมา เดี๋ยวตนจะหาให้ เอกสารลับออกมาไม่ได้ แต่มันก็หลุดมาเรื่อย เพราะพวกเรา (สื่อมวลชน) ชอบเอาออกมา สายลับเยอะ
เมื่อถามว่า มองกรณีดังกล่าวอย่างไรเพราะเอกสารนี้ออกมาพร้อมกับกรณีประเทศตุรกีจับตัวนางวรรณา สวนสัน หรือนางไมซาเราะห์ และนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีชาวตรุกี 2ผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหมเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่า จะเอามาโยงกันทำไม โยงกันจนอยู่ไม่มีความสุข ไม่เห็นได้อะไร ไอ้นี่คือไอ้นี่ ต้องแก้ไปทีละอัน ถ้าเอาทั้งหมดมาพันกัน ก็ไปไม่ได้สักอย่าง ตนพยายามจะคลี่คลายทุกอย่าง ให้ประชาชนมีความสุข วันสำคัญอย่างปีใหม่ก็ให้มีความสุข
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นขบวนการจ้องทำลายเศรษฐกิจของประเทศไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวช่วงหนึ่งด้วยอารมณ์พร้อมกับย้อนถามกลับกับผู้สื่อข่าวว่า “การออกมาอย่างนี้ มองสิว่าใครจะเล่นงานรัฐบาล ใครล่ะ ใครจะทำลายผม ใครที่ไปพูดกับต่างประเทศอยู่ปัจจุบัน แล้วใครที่ไม่ชอบผม ผมว่าผมเป็นคนน่ารักพอสมควร แต่ผมจะไม่น่ารักสำหรับคนบางคน คือคนที่ไม่รักชาติ ผมไม่รักด้วย ถ้าถามว่ามองยังไง ไม่มองหรอก ไปวิเคราะห์มาสิ ว่าใคร ใครเป็นคนพูดตอนนี้ ใครเป็นคนพูดเพื่อชักศึกเข้าบ้าน ใครที่เอาประเทศไปขายอยู่ต่างประเทศ ใคร เอ่ยชื่อมา ใคร“
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีมีกระแสข่าวว่าประเทศตุรกีจะส่งการส่งตัวนางวรรณา สวนสัน หรือนางไมซาเราะห์ และสามีชาวตุรกี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหมเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้กับทางการของไทย ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รายงานมาที่ตน ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งในเรื่องของการจับกุม กว่าจะรู้ก็ต้องผ่านขั้นตอนของตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคง แต่ถ้าเจอ โทรศัพท์ถึงกันก็สื่อสารกันได้หมด