ป้อมพระสุเมรุ
ไม่ใช่เล่นๆเสียแล้วกับข่าวความขัดแย้งภายใน “ค่ายสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่ “ผู้จัดการสุดสัปดาห์” ได้เปิดประเด็นไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนตามท้องเรื่อง “แมลงสาบกำสรวล - “กำนัน” รับงาน “ป้อม” ดัน “ชายหมู” - “มาร์ค” กัดฟันสู้ยิบตา” ซึ่งว่าด้วยเรื่องของศึกใน ที่มีความพยายามในการจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก“หนุ่มมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคนอื่น ซึ่งคนที่มาแรงแซงโค้งกลายเป็นชื่อ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองหัวหน้าพรรค และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนปัจจุบัน
ใครอยากรู้ที่ไปที่มา ตามไปหาอ่านย้อนหลังกันได้
ต้นตอของเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ “ศิษย์อาจารย์ 2 ว.” วิลาศ จันทร์พิทักษ์-วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. สวมวิญญาณ “มือปราบโกง” ไล่เบี้ยทีมงาน “เสาชิงช้า” ที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตจากโครงการจัดซื้อกล้องวงจรปิด และโครงการจัดจ้างก่อสร้างขนาดใหญ่ ของ กทม.
โดยพุ่งเป้าไปที่ 2 รองผู้ว่าฯกทม.ของ “ชายหมู” แต่ก็เป็น “อภิสิทธิ์” ที่ออกมาติดเบรก และบอกว่าเตรียมเรียก“สุขุมพันธุ์” เข้ามาพูดคุยเคลียร์ปัญหาต่างๆ เรื่องก็เงียบๆ เกือบเดือน พาลนึกไปว่ามีการจับเข่าคุยเคลียร์ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มาแตกโพละอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่า ฝ่าย“ชายหมู” เบี้ยวนัด “หนุ่มมาร์ค” ถึงสองครั้งสองครา จนป่านนี้ยังไม่เจอหน้าเจอตากันเลย
ตามข้อมูลของ “เดอะแจ๊ค-วัชระ” ระบุว่า “อภิสิทธิ์” ได้นัดพบ“สุขุมพันธุ์” เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ และตักเตือนเรื่องการทำงานแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ได้รับการปฏิเสธทั้ง 2ครั้ง โดยครั้งล่าสุดฝ่ายผู้ว่าฯกทม.ให้ “เบญทราย กียปัจจ์” ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม. เป็นคนแจ้งเลื่อนนัด เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา แทนที่จะต่อสายด้วยตัวเอง ซึ่งตอนแรกมีการนัดหมายกันในเวลา 09.30 น. ที่วังสวนผักกาด บ้านพักของ “ชายหมู” แต่ก่อนถึงเวลานัด “เบญทราย” ได้โทรมาแจ้งขอเลื่อนเป็น 10.30 น. กระทั่งเวลา 10 .00 น. ก็ได้โทรมาขอยกเลิก โดยระบุว่า “ผู้ว่าฯ ติดภารกิจ” และขอนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ย. โดยไม่ระบุเวลา เมื่อ “อภิสิทธิ์” ถามว่า นัดล่วงหน้า 2วัน ขอระบุเวลาได้เลยหรือไม่ ปลายสายบอกสั้นๆว่า ”ท่านผู้ว่าฯให้เรียนเท่านี้” ก่อนวางสายไปอย่างไร้เยื่อใย
เรื่องนี้ทำให้ในที่ประชุมอย่างไม่เป็นทางการของ “ผู้ใหญ่ในพรรค” ถึงกับทุบโต๊ะในความเหิมเกริมของ “ชายหมู” พร้อมด่าอย่างสาดเสียเทเสียว่า มีอย่างที่ไหน ให้หัวหน้าพรรคไปขอพบ ทั้งที่ตัวเองเป็นรองหัวหน้าฯ อีกทั้งได้เป็นผู้ว่าฯกทม. ก็อานิสงส์จากพรรค
สรุปสั้นๆ คือไม่เห็นหัว - ไม่ให้เกียรติกันแล้ว แสดงให้เห็นถึงความกระด้างกระเดื่องของ “สุขุมพันธุ์” ที่มีต่อ “อภิสิทธิ์” และพรรคต้นสังกัดอย่างชัดเจน
เป็นที่มาของกระแสข่าว “ตะเพิด” ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แม้ตัว“อภิสิทธิ์” รวมทั้ง “ถวิล ไพรสณฑ์” ผู้ใหญ่ในพรรคจะออกมาปฏิเสธ แต่อีกด้าน “วิลาศ - วัชระ” ก็คอมเฟิร์มว่า มีการพูดคุยกันในพรรคถึงประเด็นนี้จริงๆ
ก่อนหน้านี้ก็เป็น “วิลาศ - วัชระ” ในฐานะอดีต ส.ส.กทม. ที่รู้เส้นสนกลใน “เสาชิงช้า” เป็นอย่างดี แตะมือกันออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในการทำงานของ กทม. ยุคที่มี “ชายหมู” เป็นผู้ว่าฯ รวมทั้งเรียกร้องให้พิจารณาปลด 2 รองผู้ว่าฯกทม. ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น แต่ก็ไร้การตอบสนองจาก “ชายหมู”
สุดท้ายจึงเปลี่ยนเป้ามาเล่นงานที่ตัว “ผู้ว่าฯกทม.” แทน
ที่ประชุมพรคประชาธิปัตย์อย่างไม่เป็นทางการ สรุปปัญหาการบริหาร กทม.ของ “สุขุมพันธุ์” ออกมาเป็นหางว่าว รวมไปถึงความไร้ประสิทธิภาพในการทำงานหลายกรณี โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเคยหลุดปากไปว่า “ไม่อยากให้น้ำท่วม ต้องไปอยู่บนดอย” สร้างความไม่พอใจต่อกลุ่มส.ส.กทม. ที่มองว่ากระทบความนิยมของพรรคอย่างรุนแรง เมื่อผู้ใหญ่ในพรรคเห็นว่าไม่เหมาะสม และมีการประสานให้ “ชายหมู” ออกมาขอโทษประชาชนหลายครั้ง ก็ไม่ให้ความสนใจ สุดท้ายเป็น “อภิสิทธิ์” ที่ต้องออกหน้ามากล่าวขอโทษประชาชนด้วยตัวเอง
ความห่วยแตกของผู้ว่าฯกทม. 2 สมัยคนนี้ “คนกรุง” รู้ดี และเจ็บใจมากที่เทคะแนนให้ท่วมท้นล้านกว่าเสียง เพียงเพราะอยากจะสกัด “นอมินี” ของ“ระบอบทักษิณ”
“ผู้ใหญ่ใน ปชป.” เห็นว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อพรรคแน่ แม้จะเหลือเวลาการทำงานอีกเพียงปีเศษที่จะหมดวาระในเดือน มี.ค.60 ก็ควรที่จะตัด “เนื้อร้าย” ทิ้งเสียก่อน เพื่อป้องกันฐานที่มั่นสำคัญของพรรค การตัดหางปล่อยวัด “ชายหมู” เพื่อแสดงให้เห็นว่า พรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับควารมระยำตำบอนที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าจากฝีมือของ “ทีมเสาชิงช้า” ชุดนี้อีกต่อไป
แม้จะทำได้แค่ตะเพิดออกไปให้พ้นพรรค ไม่สามารถแตะต้องเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ได้ แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณไปยัง “บิ๊ก คสช.” ด้วยว่า หากจะเล่นงานผู้ว่าฯ กทม. เช่นเดียวกับผู้บริหารท้องถิ่นอื่นๆ ก็สามารถทำได้เต็มที่ โดยไม่ต้องเกรงใจพรรคอีกต่อไป
รู้กันดีว่า “บิ๊กคสช.” ก็ไม่แฮปปี้กับพฤติกรรมของ “ชายหมู” เป็นทุนเดิม
ล่าสุด ในการประชุมของกระทรวงมหาดไทย “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้ประกาศตามหา “ชายหมู” ก่อนที่จะรู้ว่า ผู้ว่าฯกทม.เดินทางไปต่างประเทศ สร้างความไม่พอใจให้กับ “บิ๊กป๊อก” ถึงกับตำหนิออกไมค์ว่า “เป็นผู้ว่าฯกทม. แต่กลับไปนั่งทำงานอยู่ที่อังกฤษ”
สาเหตุจริงๆ ที่เก้าอี้ “ชายหมู” ยังเสริมใยเหล็กในยุคคสช. นอกเหนือจากเป็นผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ก็ยังมี “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน ยืนตระหง่านเป็นแบ็กอัพให้อยู่ รู้กันทั่วคุ้งแควว่า “สุเทพ” เป็นคนผลักดันให้ “สุขุมพันธุ์” ลงป้องกันตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. เป็นสมัยที่ 2 แม้พรรคต้นสังกัดจะไม่ค่อยปลื้มก็ตาม
สายสัมพันธ์ของ “สุเทพ-สุขุมพันธุ์” จึงแนบแน่นยิ่งนัก
ในจังหวะเดียวกับที่มีกระแสข่าวว่า “กำนันสุเทพ” กำลังเดินเกม“เพาเวอร์เพลย์” ยึดพรรคประชาธิปัตย์ตามใบสั่งของ “บิ๊ก คสช.” เพื่อใช้เป็นฐานในการเตรียมต่อยอดอำนาจในฐานะ “พรรคทหาร” และก็เป็นไปอย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นถึงแผนการที่ว่า ในการดัน “สุขุมพันธุ์” นั่งเป็นหัวหน้าพรรคแทนที่ “อภิสิทธิ์”
เพราะ “สุขุมพันธุ์” เป็นเด็กในคาถา สั่งซ้ายหันขวาหันได้
ตรงนี้เองอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ “วิลาศ - วัชระ” ออกมาสกัดดาวรุ่งเจาะยาง “ชายหมู” โดยได้รับสัญญาณไฟเขียวจาก “อภิสิทธิ์” รวมถึงผู้ใหญ่ในพรรค เช่นเดียวกับอีกฟาก โดย “เทพน้อย” เทพไท เสนพงษ์ เด็กในคาถาของ “สุเทพ” ที่ออกมาตีกัน ปกป้อง “ชายหมู” ทั้งที่ตัวเองเป็นอดีตส.ส.แดนสะตอ
สองขั้วอำนาจงัดกันอย่างเห็นได้ชัด ผ่านส่งครามตัวแทนของ“หนุ่มมาร์ค - กำนันเทือก” ซึ่งการมุ่งทำลายไปที่ “สุขุมพันธุ์” ก็เท่ากับทำลายแผนการของ“สุเทพ” ไปด้วย
จับอาการสู้ยิบตาของ “หนุ่มมาร์ค” แล้ว “บิ๊ก คสช.” คงเริ่มไม่วางใจในฝีมือของ “กำนันเทือก” ที่รับปากดิบดีว่า งานยึด“ค่ายสีฟ้า” ง่ายเหมือนปลอกกล้วย แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม เมื่อเจอเจ้าของบ้านแก้เกมกลับ
ขณะที่ “สุเทพ” เองก็เดิมพันสูงกับแผนการนี้ เพราะหลังเปิดตัว “มูลนิธิมวลมหาประชาชน” อย่างเอิกเกริกชื่อของ “กำนันสุเทพ” ก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวตามหน้าสื่อให้เห็นมากนักอย่างที่คาดกันไว้ แต่กลับไปปรากฏใน “วงลับ” ที่คิดการใหญ่ต่อยอดอำนาจจากคสช. โดยมีการจัดทัพเตรียมคนเพื่อรับมือศึกเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นตามโรดแมปของ คสช. จนมีข่าวปล่อย-ข่าวลือ จาก “พรรคสีฟ้า-พรรคสีน้ำเงิน” ถึงสูตรการเตรียมจัดตัวผู้สมัครรับการเลือกตั้งเอาไว้แล้วด้วย
เมื่อแผนเข้ายึด “ค่ายสีฟ้า” ส่อเค้าจะเป็นหมัน คนที่ตกที่นั่งลำบากก็ไม่พ้น "กำนันเทือก"เพราะบุญคุณจากผลงาน"ผู้นำม็อบ" จนนำไปสู่การรัฐประหารก็แทบจะไม่เหลือแล้ว งานที่ฝากฝังไว้ก็ไม่สำเร็จ นับวันราคาของ “ลุงกำนัน” ในสายตาของ “บิ๊ก คสช.” จะอยู่ในช่วง"ขาลง" ไปทุกที
ล่าสุดมีข่าวว่า "กำนันเทือก" ต่อสายหนึ่งใน "คณะ 3 ป." ที่มีอำนาจคสช. เพื่อแสดงเจตจำนงในการสนับสนุนข้าราชการให้ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งที่สูงกว่า แต่กลับต้องถือหู จนมีเสียง “ตู๊ดดด..ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” หลายครั้ง
คนเจนจัดทางการเมืองอย่าง “สุเทพ” เดาไม่ยากว่า นี่เป็นสัญญาณที่ "คณะ 3 ป." เริ่มทำตัวเหินห่าง เช่นเดียวกับฝั่ง "กุนซือ กปปส." อ่านสัญญาณนี้ว่า อาจเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองยังตอนนี้ยังไม่นิ่ง การแย่งชิงอำนาจนำยังมีเกมซ่อนไพ่กันอยู่หลายชั้น
ว่ากันว่าสิ่งเดียวที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง“สุเทพ” กับ “บิ๊ก คสช.” คือ "น้อง ต." ทายาทตระกูลดัง ที่ "พี่ใหญ่คณะ ป." มักจะติดส้อยห้อยท้าย พาไปออกงานในที่ไกลหูไกลตาตลอด เรียกได้ว่างานบุญงานกฐิน งานราษฎ์งานหลวง หาก"พี่ใหญ่คณะ ป." เดินทางไป จะมี"น้อง ต." ปรากฏตัวเป็นเงาเคียงกายตลอด
ไม่เพียงแต่ต่อสายกับขั้วอำนาจไม่ติดแล้ว ลำพังสถานะ “ผู้นำม็อบ กปปส.” ก็ดูจะไม่ค่อยราบรื่น เพราะไม่มีแอคชั่นเป็นฮีโร่ผดุงความยุติธรรม เมื่อสมัยไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” แม้แต่น้อย หนักไปทางเชียร์รัฐบาล คสช. แบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างเดียว
จาก“ลุงกำนัน” ที่ภาพลักษณ์สุดคลีน ก็กลับมาเป็น“เทพเทือก” นักการเมืองจอมเขี้ยวคนเดิม
กรณีที่เกิดขึ้นกับ "ฟ้า-พรทิพา" เจ้าของสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี ที่เคยเป็นเครือข่าย กปปส. เจอเจ้าหน้าที่บุกสถานี จับกุมและยึดอุปกรณ์ทั้งหมด พร้อมแจ้งข้อหาหลายกระทง จนต้องออกมาแฉว่า "ลุงกำนัน" ไม่คิดจะช่วยเหลือ โทรไปก็บ่ายเบี่ยง ไม่รับสาย
ทว่า "ฟ้า-พรทิพา" ออกมาร้องแรกแหกกระเฌอไม่นาน กลับลบโพสต์ข้อความด่าทอ "กำนันเทือก" ไปอย่างมีปริศนา ก่อนกลับลำโพสต์ข้อความขอโทษ อ้างว่าที่ทำไปเพราะอารมณ์ร้อน-รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แถมยังยกยอว่า "กำนันเทือก" เป็นคนดีจริงๆ รวมทั้งแขวะกองแช่งด้วยว่า เอาเวลาไปด่าทักษิณ ดีกว่า
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของ "ฟ้า-พรทิพา" เหมือนได้เคลียร์ปัญหาค้างคาใจกับ "กำนันเทือก" แล้ว เลยจบง่ายแบบแฮปปี้เอนดิ้ง กันทั้งสองฝ่าย "กำนันเทือก" รู้ดีว่าภาพที่ออกไปส่งผลต่อความศรัธาของ"สาวก" จึงต้องแก้เกมปิดปากให้ไว แต่ก็เสียรังวัดไปไม่น้อย
หลังจากนี้ต้องจับตาท่าทีของ "เทพเทือก" ว่าจะเลือกเล่นบทไหน ในเวลาที่บารมีเริ่มเจือจางลง แถมยังต่อไม่ติดกับ "คณะ 3 ป." จะหันหลังกลับ "พรรคประชาธิปัตย์" ก็คงมองหน้ากันไม่ติด
"ลุงกำนัน" จะได้ไปต่อในสถานะไหน และกับใครเป็นเรื่องที่น่าติดตาม.