“ชายหมู” ลั่น! ไม่ร่วมสงครามตอบโต้ ใครมีข้อมูลคน กทม.โกงเอามาโชว์

ตามดูคำพูด “ชายหมู-2 รองผู้ว่าฯ กทม “จุมพล สำเภาพล-อมร กิจเชวงกุล” ตอบโต้คนในพรรค หลังผู้ว่าฯ กทม.ประกาศใครมีข้อมูลคน กทม.ทุจริตเอามาโชว์ ท้าตรวจสอบได้ ปัดขัดแย้งจนทำให้พรรค ปชป.ร้าว “มาร์ค” หย่าศึกเตรียมเรียกพบ ด้าน “วิลาศ” ท้าอีกรอบให้ออกมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงผ่านสื่อทีวี

ภายหลังกรณีที่นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมมาธิการการป้องกันและปราบปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรและอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และวัชระ เพชรทอง สองอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุกรณีมีรองผู้ว่าฯ กทม.ใช้จ่ายงบประมาณไม่ถูกต้อง มีการทุจริตในการทำงานและเดินทางไปต่างประเทศทุกเดือน โดยมีการท้าให้รองผู้ว่าฯนำหนังสือเดินทางมาแสดงหากบริสุทธิ์ใจ

วันนี้ (21 ต.ค.)ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก โดยผู้ว่าฯ กทม.เริ่มชี้แจงว่า ประเทศไทยมีองค์การตรวจสอบต่างๆ จำนวนมาก หากองค์กรใดมีข้อมูลว่าผู้ใดใน กทม.กระทำผิดประพฤติมิชอบก็สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ โดย กทม.พร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทุกรูปแบบ แต่ตนจะไม่ร่วมสร้างสงครามวาจา การโต้ตอบกันไปมาจะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

ส่วนเรื่องนี้จะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ว่าฯ กทม.และพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ตนไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ หากมีกรณีใดก็จะพูดคุยสายตรงกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด กรณีที่บุคคลใดออกมาแอบอ้างว่าเข้ามาดำเนินการกับ กทม.ในเรื่องต่างๆ เพราะมีคำสั่งจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่เป็นจริง

ต่อข้อถามที่ว่ากรณีนี้ได้มีการพูดคุยกับรองผู้ว่าฯ ในกรณีดังกล่าวหรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ตนมีรองผู้ว่าฯ 4 คน ก็ได้มีการพูดคุยกับรองผู้ว่าฯ ทุกคนมาโดยตลอดอยู่แล้ว

ขณะที่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “นายจุมพล สำเภาพล” รองผู้ว่าฯ กทม.ออกมาตอบโต้ถึงประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณไม่ถูกต้องพร้อมระบุว่ามีรองผู้ว่าฯ กทม.คนหนึ่งเดินทางไปต่างประเทศทุกเดือน และมีการแต่งตั้งโยกย้ายโดยเฉพาะฝ่ายโยธาโดยมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง

“จริงๆ ไม่อยากจะออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพราะนายวิลาศไม่ได้ระบุว่าเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.คนไหน และผมก็ไม่ทราบว่าหมายถึงใครเพราะไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศทุกเดือนที่ผ่านมาก็ไปราชการเพียงปีละครั้งส่วนหนึ่งเพราะไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณก็มีระเบียบขั้นตอนที่ชัดเจนที่ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้วคงไม่สามารถนำมาเบิกจ่ายเพื่อการส่วนตัวได้ ขณะที่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ผู้ที่มีอำนาจดำเนินการเรื่องดังกล่าวก็มีเพียง 2 คน คือ ผู้ว่าฯ กทม. ที่จะพิจารณาในตำแหน่งระดับสูง หรือซี 9 ขึ้นไป ส่วนตำแหน่งรองจากนั้นก็จะเป็นอำนาจของปลัด กทม. ผมจะไปดำเนินการไม่ได้ ส่วนการจัดซื้อรถดูดเลนหรือรถไขมัน เท่าที่ทราบก็มีการจัดซื้อมาตั้งนานแล้วตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นรองปลัด กทม. หรือช่วงสมัยผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ สมัยที่ 1 หรือหากทางสำนักงานเขตสำรวจภายในว่ามีความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อทางเขตฯ ก็สามารถดำเนินการได้เองส่วนที่ว่ามีหนังสือเวียนให้เขตสำรวจเพื่อจัดซื้อเพิ่มนั้นตนก็ไม่เห็นจะทราบเรื่อง” นายจุมพลกล่าว

ขณะที่ “นายอมร กิจเชวงกุล” รองผู้ว่าฯ กทม. ได้ออกมายอมรับว่าเป็นความจริงว่าตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นการเดินทางไปทำงานเพื่อร่วมการประชุมหุ่นกระบอกโลก พร้อมนำตัวแทนประเทศไทยไปจัดแสดงด้วยเพื่อหวังเผยแพร่วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เนื่องจากตนกำกับดูแลสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศก็ไม่ได้ไปบ่อยครั้ง อย่างครั้งนี้ก็ห่างจากงานครั้งที่แล้วกว่า 8 เดือน ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตน อย่างที่มีการระบุถึงสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ตนก็ไม่ได้กำกับดูแลเขตดังกล่าว หรือจะเป็นการจัดซื้อรถดูดเลนหรือรถดูดไขมันก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานที่ตนกำกับดูแล จึงไม่ทราบเช่นกันว่าหมายถึงรองผู้ว่าฯ คนใด

ประเด็นนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาสงบศึกแล้ว โดยระบุว่า หลังจากได้พบกับนายวิลาศและนายวัชระที่เข้ามารายงานเรื่องต่างๆ ที่ได้ตรวจสอบ เพราะถือว่าเป็นการทำหน้าที่ในการตรวจสอบตามปกติ ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งซึ่งจะได้นัด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มาหรืออีกครั้งหนึ่ง ทราบว่าเดินทางกลับจากมาเลเซียแล้ว ส่วนจะเป็นความขัดแย้งกันเองภายในพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่ และในพรรคไม่มีความขัดแย้งใดๆ กรณีนี้คือนายวิลาศ และนายวัชระ มีคนร้องเรียนเข้ามาก็ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบตามปกติ

ล่าสุดนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาท้าให้ 2 รองผู้ว่าฯ คือ นายจุมพล สำเภาพล และนายอมร กิจเชวง มาออกรายการโทรทัศน์พร้อมกับตน

“ช่องไหนก็ได้ให้เลือกมา เพราะเดี๋ยวจะหาว่าตนเตี๊ยมข้อมูลกับรายการ จะได้ไม่ต้องพูดกันคนละที และตอบคำถามให้ตนตรงประเด็น ทั้งกรณีเดินทางไปต่างประเทศปีละครั้งขอให้เอาพาสปอร์ตส่วนตัว (เล่มแดง) และพาสปอร์ตราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) ทุกเล่มที่มีมาด้วย” นายวิลาศกล่าว และว่า นอกจากนี้จะได้ชี้แจงถึงกรณีการจัดซื้อที่ส่อไม่โปร่งใสในโครงการต่างๆ ด้วย เพราะทราบว่า มีรายการทีวีหลายช่องติดต่อไปรองผู้ว่าฯ ทั้งสอง แต่ได้รับคำตอบเหมือนกันคือยังไม่พร้อม เพราะตนก็ไม่อยากไปพูดซ้ำในรายการทีวีต่างๆ จะได้เอาเวลาไปทำงานตรวจสอบข้อร้องเรียนอื่นๆ อีก

ทั้งนี้ ยืนยันว่า กรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนที่ได้รับเอกสารและข้อมูลมา